. ทำไมจึงต้องล้างพิษตับและถุงน้ำดี
และข้อควรรู้เกี่ยวกับการล้างพิษ
การล้างตับและถุงน้ำดี
เป็นวิธีการขับของเสียและก้อนนิ่วที่อยู่ในตับและถุงน้ำดีออกมาด้วยกรรมวิธีง่ายๆ
แต่ใช้ได้ผลดี โดยการกระตุ้นให้ตับและถุงน้ำดีขับพิษออกนอกร่างกาย
เหมาะสำหรับคนที่มีพิษสะสมในร่างกายมาก เช่น นิ่วในถุงน้ำดี
เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เป็นต้น
§ ท๊อกซิน คือพิษเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
เกิดจากการกินอาหารที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเสื่อมลง
ติดเชื้อได้ง่าย
§ ดีท๊อก คือการเอาพิษออกจากร่างกายทำได้หลายวิธี เช่นการอบ
การออกกำลังกาย การสวนทวาร การล้างพิษตับ เป็นต้น
§ การล้างพิษตับและถุงน้ำดีเป็นการรักษาจากต้นตอ
เนื่องจากนิ่วเกิดจากตับ ไม่ใช่เกิดที่ถุงน้ำดี ฉะนั้นการตัดถุงน้ำดีทิ้ง
แทบไม่เกิดประโยชน์อะไร
§ ทำการล้างพิษตับและถุงน้ำดีได้เดือนละ
1 ครั้ง ในกรณีผู้ป่วยหนักมีพิษสะสมมาก
สามารถล้างได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
เมื่อดีขึ้นแล้วจึงเหลือแค่เดือนละ 1 ครั้ง
§ นิ่วจะออกมากที่สุดในการล้างพิษครั้งที่
6-7 นิ่วจะออกหลังล้างพิษภายใน 3 วัน ในการล้างพิษแต่ละครั้งจะมีนิ่วออกมาตั้งแต่
50-400 เม็ด ในตับสามารถเกิดนิ่วได้มากกว่า 20,000 เม็ด เมื่อล้างพิษ 2 ครั้งแล้วไม่มีนิ่วออกมา ถือว่านิ่วหมดแล้ว
§ ขนาดของนิ่วที่ออกมาจะมีขนาดตั้งแต่เท่าเมล็ดงา
เมล็ดข้าวสาร เมล็ดข้าวโพด หัวแม่มือ หัวแม่เท้า จนกระทั่งเท่าลูกมะกรูด
§ สีของนิ่วที่ออกมาจะมีหลายสี
ส่วนใหญ่จะมีสีเขียว และสีเทา
§ นิ่วที่มีสีเขียวจะเป็นพวกคอเลสเตอรอล
เวลาถ่ายออกมาจะลอย
§ นิ่วสีเทาจะเป็นพวกแคลเซียม
(calcium) เวลาถ่ายออกมาจะจม
§ ถ้านิ่วออกมาเป็นสีดำเหมือนถ่าน
แสดงว่าตับมีเชื้อมะเร็ง
§ คนเอเชียล้างพิษ 12-15 ครั้ง คนยุโรปล้าง 18-24 ครั้ง นิ่วถึงจะหมด
§ เมื่อนิ่วออกหมดแล้วให้ล้างพิษตับและถุงน้ำดีปีละ
2 ครั้ง ให้เลือกล้างพิษช่วงเปลี่ยนฤดูใหม่
สุขภาพก็จะดีตลอดไป
§ การฟื้นตัวของร่างกายขึ้นอยู่ที่คุณภาพของตับในขณะที่ทำการล้างตับและถุงน้ำดี
ถ้าตับยังมีคุณภาพดีร่างกายก็จะฟื้นตัวได้เร็ว ถ้าตับย่ำแย่ก็ฟื้นตัวช้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น