วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ตับ คือชีวิตของเรา








ตับ คือชีวิตของเรา


ตับเป็นเสมือนศูนย์ทำลายพิษหรือล้างพิษจากของที่เราเสพเข้าไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุราและเครื่องดองของเมาทั้งหลาย



ตับ เป็นต่อมที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายของเรา ตั้งอยู่ในช่องท้องด้านขวา ใต้กะบังลมและทั้งยังถูกปกป้องอยู่ภายใต้ซี่โครงด้านขวา โดยทั่วไปแล้วตับจะหนักประมาณ 1 ใน 40 ของน้ำหนักตัวของแต่ละคน เนื้อแท้ของตับประกอบด้วยเซลล์ตับจำนวนหลายล้านเซลล์ แช่ชุ่มอยู่ในกระแสเลือดตลอดเวลา
ตับทำหน้าที่เป็นห้องปฏิบัติการ (LAB) อันสลับซับซ้อน เราขาดตับไม่ได้เลยเพราะจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ตับควบคุมการทำงานของไต และวิตามินต่างๆ นอกจากนี้ตับยังทำหน้าที่ในการปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศให้อยู่ในระดับพอเหมาะ พอดี มิให้เรามีความต้องการมากไปหรือน้อยไป ตับผลิตน้ำดี (Bile) ซึ่งทำหน้าที่ย่อยอาหารในลำไส้ เมื่อเรามีบาดแผลเลือดออก ถ้าไม่มีตับที่ผลิต โพรทรอมบิน ทำให้เลือดแข็งตัวเป็นลิ่ม เลือดก็จะไหลเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุดจนทำให้หัวใจหยุดทำงาน

ตับ ยังเป็นศูนย์ทำลายพิษหรือล้างพิษจากของที่เราเสพเข้าไปด้วย เฉพาะอย่างยิ่งสุราและเครื่องดองของเมาทั้งหลาย ตับจึงเปรียบเสมือนยอดนักเคมีนั่นเองฉะนั้น จึงเห็นได้ว่า ตับทำงานหนักตลอดเวลาตั้งแต่วันเกิดถึงวันตายของเรา แต่ถ้าหากตับทำงานหนักมากเกินไปและเป็นเวลานาน เซลล์ตับก็จะป่วยและตายในที่สุด แล้วก็จะมีเซลล์ตับอันใหม่เกิดขึ้นมาทดแทน ต่างกับพวกเซลล์สมองและเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งเมื่อตายแล้วไม่มีการเกิดใหม่ขึ้นมาทดแทนอาการไม่สบายของตับมีหลายอย่าง เช่น ออกแรงธรรมดาแต่เหนื่อยมาก กล้ามเนื้อเหี่ยวแห้ง หรือลีบลง พลังเพศลดลง และขนาดของตับจะค่อยๆโตขึ้นเนื่องจากมีไขมันมาจับ

สาเหตุ สำคัญที่สุดที่เป็นเหตุให้เซลล์ตับป่วยและตาย* คือ ภาวะทุโภชนาการ (Malnutrition) เนื่องมาจากกินอาหารผิดๆ และไม่สมบูรณ์หรือไม่ครบหมู่ บวกกับการมีพิษของยาต่างๆที่เรากินเข้าไปด้วย ในบรรดายาพิษที่คนเรานิยมดื่มกันทุกวันนั้น ที่มาเป็นอันดับหนึ่งก็ได้แก่ สุรา ซึ่งถ้าดื่มน้อยๆ เป็นครั้งคราวก็เป็นประโยชน์ แต่ถ้าดื่มมากจนติด ก็เป็นโทษ เรียกว่า ติดสุรา (Alcoholism) อาการจะเห็นได้ชัดเมื่อหยุดดื่ม เช่น อาเจียน มือสั่น นอนไม่หลับ ถ้ารุนแรงมากก็ถึงประสาทหลอน และอาจชักได้ การติดสุราเป็นการนำไปสู่ภาวะทุโภชนาการ ตับโต ตับแข็ง และมะเร็งตับในที่สุด

การรักษาโรคตับสมัยก่อน โดยมากมักจะเป็นการพักผ่อนจริงๆ กินอาหารครบทั้ง 5 หมู่ และหยุดสุราเด็ดขาด ในปัจจุบันการรักษาก็มีหลักการเหมือนเดิม เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวจากสหภาพโซเวียตว่า แพทย์ที่นั่นรักษาโรคโดยการให้คนไข้อดอาหาร 7 วัน กินได้แต่น้ำเท่านั้น สองวันแรกก็ทุรนทุรายหน่อย พอห้าวันหลังเริ่มจะดีและทำงานได้ ในข่าวบอกว่าหายขาดจริงๆปัจจุบันมีการรักษาโดยการผ่าตัดที่เรียกว่า ปลูกตับหรือ Liver Transplantation แต่ก็ช่วยยืดชีวิตออกไปได้ชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น (ในประเทศไทยยังไม่สามารถทำได้ และสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายหลายแสนบาทต่อราย) ดัง นั้น เราอาจกล่าวได้ว่า ตับคือชีวิตของเรา แต่การป้องกันมิให้ตับป่วยด้วยการกินอาหารให้ครบทุกหมู่ ละเว้นการดื่มสุรา และเครื่องดองของเมาทั้งหลาย จะเป็นการสิ้นเปลืองทรัพย์น้อยกว่าการรักษาเมื่อตับป่วยมากน้อย  * สำหรับประเทศไทย สาเหตุที่สำคัญคือ เชื้อไวรัสตับอักเสบบี

(เก็บความจากตำราแฮร์ริสัน ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 11) นพ.สุพจน์ ขวัญมิตร
  





                   

ดื่มน้ำอัดลมกระป๋องหนึ่งกระป๋องต้องวิ่ง50นาที


นักวิจัยชี้ว่า ป้ายเตือนปริมาณสารอาหารบนผลิตภัณฑ์อาหารขยะ จะมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ หากเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนว่า จะต้องออกกำลังกายเท่าไหร่จึงจะขจัดแคลอรีที่บริโภคเข้าไปได้หมด

งานวิจัยค้นพบว่า วัยรุ่นกว่าครึ่งรู้สึกไม่อยากดื่มน้ำอัดลม หากได้เห็นฉลากเตือนว่า จะต้องออกกำลังกายด้วยการวิ่ง 1 ชั่วโมงต่อการดื่มน้ำอัดลมหนึ่งกระป๋อง
งานวิจัยชิ้นนี้ตีพิมพ์ในวารสาร “American Journal of Public Health” ระบุว่า การติดฉลากว่า ผู้บริโภคต้องออกกำลังกายเท่าไหร่ จึงจะสามารถขจัดแคลอรีจากอาหารขยะได้หมด จะช่วยลดความน่ารับประทานลง
คณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ ติดป้ายเตือนด้านนอกร้านค้า 3 แบบ เพื่อทดลองว่าป้ายเตือนแบบไหนจะทำให้วัยรุ่นขยาดการรับประทานอาหารขยะมากที่ สุด แม้ป้ายทั้งสามจะระบุถึงจำนวนพลังงาน 250 แคลอรีเท่ากันหมดก็ตาม
ป้ายอันแรกเตือนว่า น้ำอัดลมให้พลังงาน 250 แคลอรี ป้ายอันที่ 2 เตือนว่า น้ำอัดลม 1 กระป๋องให้พลังงาน 10% ของที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ส่วนป้ายอันสุดท้ายเตือนว่า ผู้บริโภคต้องวิ่งอย่างน้อย 50 นาที เพื่อกำจัดแคลอรีจากน้ำอัดลม
ผลการศึกษาพบว่า ผลลัพธ์จากการระบุข้อมูลแคลอรีอย่างละเอียด ช่วยลดยอดขายอาหารขยะได้ 40% โดยเฉพาะป้ายเตือนว่า จำเป็นต้องออกกำลังกายในปริมาณเท่าไหร่หลังบริโภคประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถลดยอดขายในกลุ่มวัยรุ่นได้ถึงครึ่งหนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับคำเตือนชนิดอื่นๆ
ดร.ซาราห์ เบลช ผู้นำการวิจัย กล่าวว่า ผู้คนทั่วไปมักประเมินจำนวนแคลอรีที่ได้รับจากอาหารขยะต่ำไป แต่การเปรียบเทียบปริมานแคลอรีจากอาหารเป็นการออกกำลังกาย จะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจง่ายขึ้น เช่น เปรียบจำนวนแคลอรีจากน้ำหวานเท่ากับการวิ่งกี่นาที
เธอชี้แจงว่า เนื่องจากปัญหาสุขภาพโดยมากมีต้นเหตุมาจากอาหารขยะ มันจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เราจะต้องหายุทธศาสตร์ในการเตือนผู้บริโภคที่มี ประสิทธิภาพที่สุด เช่น ติดฉลากแบบใหม่บนสินค้า หรือบนเมนูร้านฟาสต์ฟู้ด
น้ำหวานและน้ำอัดลมเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหลายชนิด เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจ ไปจนถึงโรคเบาหวานประเภท 2 ทว่าน้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในบรรดาวัยรุ่น และผู้ที่มีรายได้น้อย
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

ช่วยตับขับพิษด้วยอาหาร


เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว ว่า ตับ เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ขับสารพิษออกจากร่างกาย ดังนั้น การทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพตับเป็นประจำจะช่วยแบ่งเบาภาระให้ตับได้ ซึ่งการที่ตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพย่อมส่งผลให้ร่างกายมีพลังมากขึ้น

นอกจากหน้าที่ในการขับสารพิษแล้ว ตับยังช่วยในกระบวนการย่อยอาหารและเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงาน เมื่อร่างกายต้องการตับที่แข็งแรงจะส่งผลให้มีสุขภาวะที่ดี เพราะตับช่วยลดการติดเชื้อ โดยช่วยขจัดของเสียออกจากร่างกาย เราจึงต้องดูแลตับด้วยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์เสียแต่วันนี้
อาหารอันดับต้นๆ ที่ช่วยตับในการล้างพิษได้แก่ กระเทียม หัวหอม มะนาว ผักใบเขียว ดอกกะหล่ำและกะหล่ำปลี เพราะจะทำให้สารพิษที่เจือปนมากับอาหารอื่นนั้นมีสภาพเป็นกลาง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการผลิตน้ำดีซึ่งช่วยทำความสะอาดกระเพาะอาหารและลำไส้ รวมถึงช่วยกระตุ้นให้ลำไส้มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว
ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงได้แก่ องุ่น ส้ม แคนตาลูป มะละกอ พรุน ลูกเกด ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะช่วยปกป้องตับจากสารอนุมูลอิสระที่จะมีปริมาณสูงขึ้นในกระบวนการขับสารพิษออกจากร่างกาย
นอกจากนี้อาหารที่มีวิตามินบีสูงอย่างธัญพืชที่ไม่ขัดสีต่างๆ และผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี อย่างพืชที่มีรสเปรี้ยวและผักใบเขียวทั้งหลาย จะช่วยในกระบวนการล้างพิษของตับ ส่วนอาหารที่เป็นพี่เลี้ยงช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของตับ ได้แก่ “เลซิติน” ซึ่งมีมากในไข่แดง ถั่วเหลือง ข้าวโอ๊ต กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก เนื้อปลา ส่วน “ธาตุสังกะสี” ที่มีมากในเนื้อสับ ถั่วขาว เนื้อไก่และหอยนางรมก็ช่วยให้ตับทำหน้าที่ได้ดีขึ้น
หากจะดูแลรักษาตับอย่างเห็นผลก็ไม่ควรทานอาหารที่มีไขมันสูง เพราะตับสามารถผลิตคอเลสเตอรอลได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอยู่แล้ว สิ่งสำคัญในการป้องกันอันตรายให้แก่ตับ และเพื่อหลีกเลี่ยงโรคตับแข็ง ก็ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อให้อวัยวะหนึ่งเดียวนี้ช่วยขับพิษให้ ร่างกายได้อีกนาน
ที่มา :หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ

โพสต์แนะนำ

5 เฮิร์บ แฮร์ เซรั่ม 5 HERB HAIR SERUMผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม(ไม่ต้องล้างออก)

                                              5 เฮิร์บ แฮร์ เซรั่ม  5 HERB HAIR  SERUM ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม(ไม่ต้องล้างออก) ผมห...