หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- อังคารที่ 20 สิงหาคม 2556 00:00:17 น.
ยุคสมัยของการเร่งรีบ การแข่งขันทำงานในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และหลายคนเกิดความเครียดลึกๆ โดยไม่รู้ตัว นำมาซึ่งอาการป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ เกิดอาการไม่สดชื่น ปวดท้อง ท้องอืด ขับถ่ายไม่ปกติ เมื่อไปพบแพทย์ก็ไม่สามารถระบุได้ว่ามาจากสาเหตุอะไร แต่สำหรับการแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยแบบองค์รวม (Anti-Aging Medicine) เรียกอาการเหล่านี้ว่า ภาวะร่างกายสะสมพิษ
เมื่อร่างกายมีสารพิษสะสมเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะของเสียที่ตกค้างอยู่ในตับและลำไส้ นำไปสู่การอักเสบและการรั่วซึมของผนังเซลล์ ทำให้สารพิษเข้าสู่กระแสเลือดจนเกิดความผิดปกติ และร่างกายเสียความสมดุล ทั้งนี้ ร.ต.ต.นพ.อัญวุฒิ ช่วยวงษ์ญาติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของบาลานซ์ บาย ไฮโดรเฮลท์ คลินิกเวชศาสตร์ชะลอวัยแบบองค์รวม กล่าวถึงวิธีป้องกันและล้างพิษออกจากร่างกายหรือดีท็อกซ์ (Detox) ว่า คนเราจะสุขภาพดีหรือไม่ดีดูได้จากลำไส้ สังเกตว่าท้องอืดไหม ถ่ายสะดวกไหม เป็นตัวชี้วัดคุณภาพของระบบย่อยอาหารทั้งหมด ถ้าลำไส้ดี สุขภาพก็จะดีตามไปด้วยคุณหมอระบุว่า จากการตรวจรักษาพบว่าลำไส้ของคนทางยุโรปและอเมริกามีผนังลำไส้ค่อนข้างหนากว่าลำไส้ของคนเอเชีย ที่มีลักษณะนุ่มและบางกว่า ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมการทานอาหารที่คนฝั่งยุโรปและอเมริกามักชอบทานเนื้อสัตว์และอาหารฟาสต์ฟู้ด ในขณะที่เมื่อให้เปลี่ยนพฤติกรรมรับประทานอาหารมาทานอาหารจำพวกธัญพืช ผักผลไม้มากขึ้น ก็พบว่าผนังลำไส้ก็จะนุ่ม ยืดหยุ่น และมีการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ฉะนั้นพฤติกรรมการรับประทานอาหารนั้นสำคัญมากต่อสุขภาพโดยรวมของร่างกายเรา
ลำไส้เล็กมีความสำคัญมากที่สุด แต่คนส่วนใหญ่กลับละเลยใส่ใจในการดูแล ลำไส้เล็กมีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารและวิตามินที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกายโดยตรง หากรับประทานอาหารที่มีสารปนเปื้อนหรือมีสารพิษตกค้าง ทำให้ลำไส้เกิดการอักเสบ สารพิษซึมผ่านผนังลำไส้เข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดโรคต่างๆ มากมาย อาทิ ภูมิแพ้ สิวที่รักษาไม่หาย ข้ออักเสบรูมาตอยด์ และไทรอยด์อักเสบ
สำหรับวิธีการดูแลลำไส้เล็กให้มีสุขภาพดี ควรรับประทานอาหารที่ไม่มีสารพิษปนเปื้อน ถูกสุขลักษณะ ไม่รับประทานอาหารซ้ำซาก และรับประทานแบคทีเรียชนิดดีที่มีประโยชน์ (โพรไบโอติกส์) ซึ่งอยู่ในโยเกิร์ตและนมเปรี้ยว เพื่อเสริมการช่วยย่อยให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น หลังจากอาหารผ่านลำไส้เล็กมาแล้วจะเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ หากลำไส้ใหญ่ทำงานดีจะส่งผลให้มีสุขภาพที่ดีตามไปด้วย แต่การขับถ่ายในชีวิตประจำวันไม่สามารถกำจัดของเสียและสารพิษออกมาได้ทั้งหมด ยังคงมีตกค้างในลำไส้ส่วนลึก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการท้องผูก ริดสีดวงทวาร และมะเร็งในลำไส้ได้
ส่วนวิธีการดูแลลำไส้ใหญ่ให้มีสุขภาพดี การสวนล้างลำไส้ (Colon Hydrotherapy) เป็นวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยม ซึ่งจะช่วยล้างของเสียและสารพิษที่สะสมมาเป็นเวลานาน การไม่ล้างลำไส้ก็เปรียบเสมือนการกินข้าวแล้วไม่ล้างจาน มื้อต่อไปก็ใช้จานใบเก่ามาใส่ข้าวกินใหม่นั่นเอง และเมื่อลำไส้อยู่ในสภาวะที่สะอาดสมดุล แบคทีเรียที่ดีในลำไส้จะสามารถอยู่อาศัยและเจริญเติบโตเพื่อสร้างวิตามินและภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ ซึ่งสำหรับบุคคลโดยทั่วไปแนะนำให้การล้างลำไส้เดือนละ 1 ครั้ง เป็นประจำทุกเดือนเพื่อกำจัดของเสียและสารพิษออกจากร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอในแต่ละวันเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ควรดื่มน้ำตามน้ำหนักตัว โดย 20 กก. แรกควรดื่มให้ได้ 1500 cc. และอีกแต่ละ 1 กก. ควรดื่มเพิ่มอีก 20 cc. เพราะฉะนั้นผู้ที่มีน้ำหนัก 60 กก. ควรดื่มน้ำสะอาดต่อวันเท่ากับ 2,300 cc. หรือ 2.3 ลิตร เพราะหากดื่มน้ำน้อยจะส่งผลทำให้การดูดซึมน้ำในลำไส้ใหญ่มีปัญหา เกิดภาวะอุจจาระแข็งตัว ขับถ่ายไม่สะดวก และเกิดอาการท้องผูกได้
"สารพิษที่ตกค้างในร่างกายเปรียบเสมือนภัยเงียบที่คอยบ่อนทำลายสุขภาพ ทุกคนอยากที่จะแก่ช้าป่วยยาก การป้องกันโรคก่อนเกิดโรคสามารถทำได้ง่ายๆ โดยเริ่มต้นที่ใส่ใจดูแลตัวเองทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พร้อมหมั่นล้างสารพิษและอนุมูลอิสระออกจากร่ายกาย เพียงเท่านี้ท่านก็จะมีสุขภาพดีและห่างไกลโรคไปอีกนาน" ร.ต.ต.นพ.อัญวุฒิกล่าวทิ้งท้าย.