วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ทำการล้างพิษตับกี่ครั้งดี ? จะเห็นผลของการล้างพิษตับเมื่อไหร่ ? จะรู้ได้อย่างไรว่านิ่วออกมาหมดแล้ว





ทำการล้างพิษตับกี่ครั้งดี

การล้างพิษตับเพียงไม่กี่ครั้งแล้วเลิกทำ อาจมีปัญหาตามมาได้ เนื่องจากมีบางท่านให้ความเห็น มันเหมือนกับการที่เราไปกระตุ้นให้ตับทำงานได้ดีขึ้น ตับก็มีการขับสารพิษออกมาทางน้ำดีแล้วเรากลับทำไม่ต่อเนื่อง คือไม่ทำการล้างพิษตับต่อ จนการอุดตันในระบบน้ำดีกลับมาเป็นใหม่ สารพิษที่ขับออกมาอาจจะกลับมาเป็นปัญหาได้ พูดง่ายๆว่าถ้าคิดจะทำแล้วทำไม่จบกระบวนการล้างพิษตับจงอยู่เฉยๆซะจะดีกว่า

จะเห็นผลของการล้างพิษตับเมื่อไหร่

เมื่อมีการอุดตันในระบบทางเดินน้ำดีลดลง หรือหายไป เชื่อว่าการทำงานของตับจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้น ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากลองสังเกตุร่างกายของเราว่า มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไรแล้ว  หากต้องการตรวจเลือด เพื่อดูค่าต่างๆในเลือด มีผู้แนะนำว่าควรตรวจเลือด หลังจากการ่ล้างพิษตับได้ 6 เดือนไปแล้ว เพื่อดูผลที่เกิดขึ้นกับร่างกาย

จะรู้ได้อย่างไรว่านิ่วออกหมดแล้ว

เมื่อทำการล้างพิษตับไปสักระยะหนึ่ง นิ่วจะค่อยๆทยอยถูกขับออกมา เมื่อเราทำการล้างพิษตับแล้ว ไม่มีก้อนนิ่วออกมา 2 ครั้งติดต่อกัน ก็คาดเดาได้ว่า ไม่น่าจะมีนิ่วหลงเลืออยู่แล้ว โดยส่วนใหญ่ต้องทำการล้างพิษตับ 10 กว่าครั้ง นิ่วถึงจะออกหมดในบางรายอาจจะต้องทำมากกว่า 30 ครั้ง ต่อไปเราก็คอยจัดการเอานิ่วใหม่ออกมาเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ต้องทำการล้างพิษตับทุกเดือนแล้ว แต่ให้ลดความถี่ลงไป เหลือแค่ปีละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอ

ผักติ้ว กับ 5 คุณประโยชน์และการรักษามะเร็ง




** ผักติ้ว กับ 5 คุณประโยชน์และการรักษามะเร็ง

ผักสีสวย แดง ๆ ส้ม ๆ เขียวอ่อน ใครจะคิดว่าจะมีคุณประโยชน์เหลือหลาย มากกว่าแค่นำมาทานเป็นผักเครื่องเคียงอาหาร อย่างผักใบสวยชนิดหนึ่ง ที่คนใต้นิยมเอามาทานกับขนมจีน ซึ่งหรอยจังหู้มาก ๆ ที่เรียกว่า “ผักติ้ว” นี้ก็สารพัดประโยชน์ แถมยังมีสรรพคุณพิเศษบางอย่างอีกต่างหาก

โรคภัยไข้เจ็บเดี๋ยวนี้มีมากขึ้นแต่ก่อน แล้วยิ่งเป็นโรคร้ายด้วยแล้ว การรักษาในบางทีก็ยากขึ้น เพราะเชื้อโรคเดี๋ยวนี้ร้ายแรงขึ้นเยอะ แต่เชื่อไหมว่าพืชผักพื้นบ้านที่ชื่อว่า ผักติ้ว นี้จะช่วยรักษาโรคร้ายบางโรคได้ด้วย

รู้จัก ผักติ้ว หรือไม่

ผักติ้ว เป็นไม้ยืนต้น สูง 8-15 เมตร ลำต้นมียางสีเหลือง ใบรูปรีแกมรูปไข่กลับ ปลายแหลม โคนเกือบมน ผิวใบมีขนทั้ง 2 ด้าน จึงถูกเรียกอีกชื่อว่า “ติ้วขน” ผักติ้วจะมียอดอ่อนเป็นสีแดง รสฝาดปนเปรี้ยว เมื่อใบแก่เป็นสีเขียวสด

ส่วนดอกเป็นสีชมพูอ่อน ออกเป็นช่อกระจุกตามกิ่งก้านเหนือรอยแผลใบ และก้มีผลกลม ๆ เมื่อผลแก่ แตกอ้า ภายในมีเมล็ดรูปไข่ หรือรูปกระสวย พบขึ้นตามป่าธรรมชาติทั่วทุกภาคของประเทศไทย

ผักติ้ว บางคนก็เรียกว่า ผักแต้ว แล้วก็มีอีกหลาย ๆ ชื่อ เช่น ติ้วขน ติ้วส้ม แต้วหอม หรือแต้วหิน คนส่วนใหญ่นิยมจะนำใบนำมากินเป็นผัก ให้รสเปรี้ยว ปนฝาด ทั้งกินกับพริก ลาบ หรือแหนมเนือง ใส่แดงเลียง แกงส้ม หรือต้มยำ

คุณประโยชน์ของผักติ้วนั้นก็เหลือหลาย ทั้งเป็นอาหาร เป็นวัสดุทำอุปกรณ์ เป็นยาดี และที่สำคัญมีคนบอกว่ารักษามะเร็งได้ด้วย แต่จะจริงหรือไม่ เรามีคำตอบ

5 คุณประโยชน์จากผักติ้ว

อย่างที่บอกไปว่าผักติ้วนั้นมีคุณประโยชน์สารพัด ทีนี้เรามาดูกันสิว่า จะมีอะไรกันบ้าง

1. ในผักติ้วหนัก 100 กรัม จะ มีเส้นใยอาหารอยู่ 1.4 กรัมช่วยป้องกันอาการท้องผูก มีแคลเซียม 67 มิลลิกรัม ลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกพรุน มีไนอะซิน 3.1 มิลลิกรัม มีบทบาทต่อกระบวนการเผาผลาญสารอาหารและการทำงานของระบบประสาท วิตามินซี 56 มิลลิกรัม ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กและช่วยให้แผลหายเร็ว ผักติ้วยังมีเบตาแคโรทีนและวิตามินเออยู่สูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายต่อร่างกายและบำรุงสายตา

2. ราก ผสมกับหัวแห้วหมู และรากปลาไหลเผือกต้มน้ำดื่มวันละ 3 ครั้ง ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะขัด ประโยชน์ทางอาหาร ส่วนสรรพคุณทางยาไทยนั้น ใช้รากผสมกับหัวแห้วหมูและรากปลาไหลเผือก ต้มเอาเฉพาะน้ำ ดื่มวันละ 3 มื้อ เพื่อขับปัสสาวะและแก้ปัสสาวะขัด รากและใบต้มน้ำดื่มแก้ปวดท้อง เปลือกต้นและใบตำผสมน้ำมันมะพร้าวทาแก้โรคผิวหนัง แม้แต่น้ำยางจากเปลือกต้นก็ใช้ทาแก้คันได้

3. ยอดอ่อน นิยมรับประทานเป็นผักเคียงกับ ลาบ ก้อย น้ำตก แหนมเนืองเวียดนาม ตามที่กล่าวข้างต้น ส่วนภาคใต้รับประทานกับขนมจีนใต้รสชาติ อร่อยมาก

4. ดอกผักติ้ว มี สีขาวหรือสีชมพูอ่อน ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ นำมากินเป็นผักได้เช่นเดียวกับยอดและใบอ่อน ไม้จากต้นผักติ้วก็ยังมีประโยชน์ไม่น้อย เพราะเนื้อไม้แข็ง จึงใช้ทำเสา ด้ามจอบเสียม หรือเผามาทำฟืน

5. สารสกัดจากผักติ้ว ในงานวิจัยของนิสิตโครงการปริญญาเอก กาญจนาภิเษก (คปก.) คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า สารสกัดจาก “ผักติ้ว” สามารถนำไปใช้ในการยับยั้งกลิ่นหืนในอาหารได้ โดยเอายอดอ่อนของ “ผักติ้ว” ที่คนอีสานนิยมรับประทานเป็นผักเคียงกับลาบ ก้อย และแหนมเนืองเวียดนาม ไปเข้ากระบวนการสกัดผสมกับ “เอทานอล” และขั้นตอนอีกหลายขั้นตอนจะได้สารจาก “ผักติ้ว” ชื่อ “คอลโรจินิกแอซิก” นำไปใช้เป็นสารสกัดธรรมชาติป้องกันกลิ่นหืนของอาหารดีมาก

ผักติ้วกับการรักษามะเร็ง

เคยมีการวิจัยเกี่ยวกับผักติ้วว่า ผักติ้วนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ชื่อว่า กรดคลอโรเจนนิคสูง เมื่อเทียบกับสารโพลีฟีนอลทั้งหมด โดยกรดคลอโรเจนนิคนี้เป็นสารที่ป้องกันการทำลายดีเอ็นเอได้ นอกจากนี้ยังมีการวิจัยของนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่า “ผักติ้ว” ยังมีฤทธิ์หยุดยั้งการเจริญของของเซลล์มะเร็งตับได้ โดยไม่ทำลายเซลล์ปกติด้วย แต่ทั้งนี้ สารดังกล่าว ไม่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งตับ (HepG2 / cells) ได้

มีคุณค่าสูง แต่ต้องทานหลากหลายไม่ซ้ำกัน

อย่างที่ทราบกันไปว่าผักติ้วนั้นมีคุณค่าทางโภชนาการนานาประการ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับชนิด และอายุของยอดใบอ่อนหรือใบแก่

โดยทั่วไปแล้วผักติ้วจะไม่แตกต่างกับผักพื้นบ้านที่เป็นพืชยืนต้นอื่น ๆ มากนัก แต่ในด้านส่วนประกอบทางเคมีแล้ว ผักติ้วกลับมีกรดคลอโรเจนนิคที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง นอกนั้น ผักอื่นก็จะอุดมด้วยวิตามิน บี ซี เค แร่ธาตุต่าง ๆ เส้นใย เช่นเดียวกับผักอื่น ๆ

ซึ่งอย่างที่บอกก็คือ ผักทุกชนิดจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่คล้าย ๆ กัน ดังนั้นเวลาที่เราจะทานผักแล้ว เราไม่ควรจะทานแค่ผักอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะการทานซ้ำอยู่อย่างเดียว ก็อาจทำให้เราได้รับสารอาหารนั้นต่อสุขภาพมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้

Cr : emaginfo

เผย 10 จุดเจ็บป่วยตามร่างกายมีที่มา




** เผย 10 จุดเจ็บปวดตามร่างกาย มีที่มา **

อาการเจ็บปวด เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ มักสร้างความกังวลเพราะนอกจากจะไม่รู้ที่มาแล้ว เรายังไม่อาจเห็นสภาพภายในได้ เรื่องนี้ นายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ มีข้อมูลมาไขข้อข้องใจโดย เฉพาะอาการปวด 10 จุด ต่อไปนี้

1. เจ็บต้นคอร้าวแขน
เจ็บนี้ต้องระวังเส้นประสาทต้นคออาจถูกกดหรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ยกของหนักที่ผ่านมาได้

2. เจ็บแขนร้าวปลายมือ
ดูเรื่องเส้นประสาทให้ดีมีสิทธิ์เกิดจากพังผืดไปรัดเส้นประสาทหรือเกิดมาจากศูนย์รวมประสาทที่ต้นคอก็ยังได้

3. ปวดศีรษะร้าวต้นคอ
อาจเป็นเพียงกล้ามเนื้อที่เกร็งตึงเวลามีความเครียดธรรมดา แต่ถ้ามีตาพร่าบวกคลื่นไส้อาเจียนด้วยก็ต้องจับตาอาการด้านสมอง

4. ปวดหลังร้าวลงขา
น่า จะเกิดจากหมอนรองกระดูกกดเส้นประสาทเป็นหลัก โดยเฉพาะหลังส่วนบั้นเอวเป็นจุดอ่อนที่สำคัญ การดูว่าปวดหลังถึงขั้นไหนให้ดูอาการร้าวลงขา

5. เจ็บอกวิ่งไปแขนซ้าย
ร้ายเสียยิ่งกว่าอกหักเพราะมักเกี่ยวถึงโรคหัวใจขาดเลือด ให้สังเกตอาการปวดว่าเหมือนถูกบีบหรือถูกงูเหลือมตัวใหญ่รัดด้วยหรือไม่

6. ไอแล้วปวดร้าวลงก้นกบ
บางคนเวลาไอหรือเบ่งท้องแรงๆ แล้วมีอาการเจ็บร้าวไปหลังหรือก้นกบเบื้องล่างทุกครั้ง ต้องเฝ้าระวังโรคหมอนรองกระดูกทับเส้น

7. เจ็บท้องน้อยร้าวลงหน้าขา
ใน สตรีต้องระวังเรื่องอุ้งเชิงกรานอักเสบ ส่วนในหนุ่มๆ ให้ระวังนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ถ้ามีไข้ร่วมด้วยให้ช่วยระวังการติดเชื้อเป็นหลัก

8. เจ็บท้องส่วนอื่นๆ แล้วร้าวทะลุหลัง
อาการ เจ็บหน้าไปหลังเช่นนี้ถ้าเป็นที่ตับ คือ ด้านบนขวาให้นึกถึงถุงน้ำดีที่อาจไม่ดีสมชื่อ เพราะนี่เป็นสัญญาณนิ่วในถุงน้ำดีหรือถุงน้ำดีอักเสบ ส่วนถ้าเจ็บตรงกลางร่วมกับไข้สูงให้นึกถึงตับอ่อนอักเสบ (Acute pancreatitis) แบบเฉียบพลัน

9. เจ็บบั้นเอวแถวสีข้างร้าวลงขา
ยิ่ง ถ้าเจ็บบั้นเอวด้านใดด้านหนึ่งแล้วร้าวด้วย ให้นึกถึงก้อนนิ่วในกรวยไตหรือท่อไต ในบางรายอาจมีท่อปัสสาวะอักเสบร่วมกับมีไข้ รู้สึกหนาวและปัสสาวะปนเลือดอีก หากเป็นเช่นนี้แนะให้ช่วยรีบไปตรวจปัสสาวะ เอ็กซเรย์หรืออัลตร้าซาวน์

10. เจ็บตามผื่นแล้วร้าวลงเส้นประสาท
การ ที่มีผื่นเป็นตุ่มน้ำใสแล้วมีอาการแสบร้อนหรือเคยมีประวัติโรคเริม งูสวัด ให้ระวังอาการปวดร้าวไปตามปลายประสาท แม้ไม่มีผื่นแล้วก็อาจทิ้งอาการแสบร้อนไว้ได้ บางรายเจ็บแสบอยู่ตามแนวเส้นประสาทเป็นครั้งคราว

คุณ หมอกฤษดา ย้ำว่า สัญญาณเจ็บร้าวทั้งสิบที่ว่ามาเป็นวิธีดูคร่าวๆ เท่านั้น แต่ก็ช่วยทำให้ได้ร่องรอยของโรคที่ซ่อนอยู่ได้ อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีที่สุดคือ พบแพทย์แล้วตรวจหาความผิดปกติให้ทราบชัดเจนชัวร์กว่านะคะ


(Cr : Jaowka.com)

โพสต์แนะนำ

5 เฮิร์บ แฮร์ เซรั่ม 5 HERB HAIR SERUMผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม(ไม่ต้องล้างออก)

                                              5 เฮิร์บ แฮร์ เซรั่ม  5 HERB HAIR  SERUM ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม(ไม่ต้องล้างออก) ผมห...