วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

ไขมันเกาะตับคืออะไร

ไขมันเกาะตับคืออะไร


ไขมันเกาะตับ คือสภาวะที่เกิดการสะสมของไขมันภายในเซลล์ตับ เนื่องจากตับขับไขมันส่วนเกินออกไปได้ไม่หมด โดยส่วนใหญ่จะอยู่รูปไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ ทำให้เกิดการอักเสบของตับ การทำงานของตับลดลง ถ้าดื่มสุราและติดเชื้อไวรัสตับอักเสบด้วยอาจลุกลามกลายเป็นโรคตับแข็งหรือเป็นมะเร็งตับได้
ภาวะไขมันเกาะตับพบได้ประมาณ 10%-25 % อาจแตกต่างบ้างในแต่ละประเทศ พบได้บ่อยในคนที่มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ดัังต่อไปนี้ น้ำหนักเกิน, อ้วน ,เบาหวาน, ไขมันในเลือดสูง หรือความดันโลหิต                                                           

สาเหตุของไขมันเกาะตับไม่เป็นที่ทราบแนแ่ชัด ผู้ป่วยในระยะเริ่มแรกมักไม่แสดงอาการ บางรายอาจมีอาการจุกเสียดแน่นบริเวณชายโครงขวาจนเกิดภาวะตับแข็ง, อาจมีอาการอ่อนเพลีย, ท้องโต เป็นต้น

หน้าที่ของตับจากสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 17
ตับมีหน้าที่สำคัญหลายประการ อันได้แก่การสร้างน้ำดี ซึ่งออกมาในลำไส้ ช่วยให้อาหารประเภทไขมันถูกย่อยและดูดซึมง่ายขึ้น เก็บสำรองอาหาร โดยเก็บเอากลูโคส (GLUCOSE)ไปสะสมไว้ในเซลล์ตับ ในสภาพของกลัยโคเจน (GLYCOGEN) และจะเปลี่ยน กลัยโคเจนกลับออกมาเป็นกลูโคสในกรณีที่ร่างกายต้องการใช้ได้ ทันที สะสมวิตามินเอ ดี และวิตามินบีสิบสอง นอกจากนี้ยังกำจัดสารพิษที่ลำไส้ดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด  เมื่อสารพิษผ่านตับ ตับก็จะทำลาย สารพิษบางชนิดตับทำลายไม่ได้ตรงกันข้ามจะไปทำลายเซลล์ตับ เช่น แอลกอฮอล์ (ALCOHOL) คาร์บอนเตตราคลอไรด์(CARBON TETRACHLORIDE) และคลอโรฟอร์ม (CHLOROFORM) เป็นต้น
ตับจะทำหน้าที่สร้างวิตามิน เอ จากสารแคโรตีน (สารสีส้มที่มีอยู่ในแครอต และมะละกอ)  ธาตุเหล็กและทองแดงจะถูกเก็บสะสมอยู่ที่ตับ เช่นเดียวกับวิตามิน  เอ ดี และบีสิบสอง สร้างองค์ประกอบในการแข็งตัวของเลือด อาทิเช่น  ไฟบริโนเจน (FIBRINOGEN) และโปรธรอมบิน(PROTHROMBIN) เป็นต้น  และยังสร้างสารป้องกันการแข็งตัวของเลือด  อันได้แก่  เฮปาริน(HEPARIN) ทำหน้าที่ในการกินและทำลายเชื้อโรคโดยมีเซลล์แมกโครฟาจ (MACROPHAGE) ที่อยู่ในตับ   ซึ่งมีชื่อเรียกเฉพาะว่าคุฟเฟอร์เซลล์ (KUPFFER'S CELL) และ หน้าที่ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือเป็นแหล่งพลังงานสร้างความร้อนให้แก่ร่างกาย  

หน้าที่ของตับตามทรรศนะแพทย์แผนจีน (ข้อมูลจากแหล่งอ้างอิง)

-
ตับเก็บเลือด และควบคุมปริมาณเลือด
-
ตับทำหน้าที่ระบายและปรับการไหลเวียนและพลัง 
-
ตับควบคุมอารมณ์และจิตใจ
-
ตับขับเคลื่อนการไหลเวียนเลือด และพลัง และการลำเลียงน้ำในร่างกาย
-
ตับเปิดทวารที่ตา 

หน้าที่ ของตับที่สำคัญเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคตับอักเสบ คือ ภาวะการอุดกั้นของตับ ทำให้การไหลเวียนเลือดและพลังติดขัด ทำให้มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์และจิตใจ รวมถึงการทำงานของระบบม้ามและกระเพาะอาหาร (ไม้ข่มดิน-ตับแกร่งข่มม้าม) หรือในทางกลับกัน การหงุดหงิด จิตใจหดหู่ เครียด โมโห จะมีผลต่อการทำงานของตับโดยตรง เกิดพลังและเลือดอุดกั้น (สารพิษในร่างกายมาก ตับทำหน้าที่ขับพิษได้น้อยลง ตับทำหน้าที่มากขึ้น) ระบบการย่อยอาหารที่สะสมความร้อนชื้นมากจะมีผลต่อความร้อนชื้นของระบบ ตับ-ถุงน้ำดีได้ การที่เกิดความร้อนชื้น หรือพลังอุดกั้นจากอารมณ์นานๆ จะทำให้เกิดก้อนหรือการอักเสบภายในตับได้ เพราะเกิดความร้อนและการไหลเวียนติดขัดเกิดเลือดคั่งค้าง
ดูแลสุขภาพอย่างไรเมื่อรู้ว่าเป็นไขมันเกาะตับ
อันดับแรกหากมีน้ำหนักเกิน แนะนำลดน้ำหนักเพื่อลดไขมันและการอักเสบในตับ ควรลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี ไม่ควรอดอาหารและลดน้ำหนักเร็วเกินไปอาจเป็นผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉลี่ยควรลดน้ำหนักประมาณ 1-2 กิโลกรัมต่อเดือน ควรควบคุมน้ำหนักโดย

                                                                                           

- ควบคุมอาหารประเภทแป้ง, น้ำตาล, ไขมัน, งดของหวานจัด, ผลไม้หวานจัด, ชีส, ของทอด เป็นต้น เน้นรับประทานผักผลไม้, ธัญพืช และ เนื้อปลา
- งดเครื่องดื่มประเภทที่มีแอลกอฮอล์
-
ดื่มน้ำสะอาดประมาณวันละ 2 ลิตร
-
สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่าเครียด และ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 


ป้องกันไขมันเกาะตับได้อย่างไร
-
ดูแลสุขภาพ ให้น้ำหนักและไขมันในร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ
-
พยายามอย่ารับประทานอาหารประเภท แป้ง น้ำตาล ไขมันมากเกินไป
-
รับประทาน พืชผัก ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีมากในผักใบเขียวจัด เช่น คะน้า, ตำลึง, ผักบุ้ง, ผักกาดหอม เป็นต้น และมีในผักผลไม้ที่มีสีเหลือง ส้มและแดง เช่น แครอท, บีทรูท, ฟักทอง, มะม่วง, มะละกอ, แคนตาลูป เป็นต้น 
-
เห็ดหลินจือ เพื่อบำรุงและฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ตับ
-
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

แหล่งอ้างอิง
หน้าที่ของตับจากสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 17 
หน้าที่ของตับตามทรรศนะแพทย์แผนจีน  จาก http://www.doctor.or.th/node/1964

นอกเหนือจากการเลือกรับประทานอาหารและการออกกำลังกายแล้ว การเลือกรับประทานยาหรืออาหารเสริมบางชนิด ร่วมกับการลดความเครียดสามารถช่วยป้องกันการเกิดนิ่วไตซ้ำได้
ในทางการแพทย์มีการใช้ยาหลากหลายเพื่อรักษาโรคนิ่ว อย่างไรก็ตามยาเหล่านี้ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอและมีผลข้างเคียง ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่จะลดโอกาสการเกิดนิ่ว คือการควบคุมอาหารดังที่กล่าวข้างต้น มีข้อแนะนำในการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคนิ่ว ดังต่อไปนี้

1. การดื่มน้ำมะนาวหรือน้ำมะนาวเข้มข้น เป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระและซิเทรตที่ดีมาก 
สามารถยับยั้งการก่อนิ่วและลดการบาดเจ็บของเซลล์บุท่อไตได้ดี
2. ควบคุมน้ำหนักในผู้ป่วยให้มีดัชนีมวลกาย (body mass index, BMI) อยู่ในระดับปกติ โดยให้มีค่าอยู่ระหว่าง 20 – 23.5 kg/m2
3. ผู้ที่มีภาวะออกซาเลตในปัสสาวะสูง ควรได้รับ แมกนีเซียมและวิตามินบี 6 เสริม เพื่อช่วยลดการสร้างของออกซาเลตในตับ
4.ไม่ควรรับประทานวิตามินซีมากกว่า 500 มก.ต่อ วัน เพราะจะไปเพิ่มออกซาเลตในปัสสาวะและเพิ่มปัจจัยเสี่ยงของการเกิดนิ่ว
5. การคลายเครียดด้วยการบริหารร่างกาย แบบโยคะ การทำสมาธิ หรือใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อลดความเครียด เช่น การสร้างจินตภาพ เพื่อผ่อนคลายส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงงดสูบบุหรี่ จะช่วยลดความเครียดของร่างกายที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บของเซลล์บุท่อไต
6. หลังออกกำลังกาย หรือทำงานหนักในที่มีอากาศร้อน สูญเสียเหงื่อมาก จะต้องดื่มน้ำชดเชยให้เพียงพอ หรือควรดื่มน้ำเป็นประจำตลอดทั้งวันประมาณ 2 ลิตรต่อวัน เพื่อลดการอิ่มตัวของสารก่อนิ่วและการตกผลึกในปัสสาวะ
7. สำหรับผู้ที่มีอาการผิดปกติและสงสัยว่ามีนิ่วไตควรปรึกษาแพทย์ เพื่อหาสาเหตุ และควรนำนิ่วมาวิเคราะห์องค์ประกอบของนิ่ว เพื่อช่วยบอกถึงความผิดปกติเบื้องต้นได้ และเป็นประโยชน์ในการหาแนวทางป้องกันการกลับเป็นนิ่วซ้ำภายหลังการรักษา

การดูแลตัวของคนที่ตัดถุงน้ำดี


การดูแลตัวของคนที่ตัดถุงน้ำดี
              
  ถุงน้ำดีมีลักษณะเป็นกระเปาะเล็กๆ ติดอยู่กับตับ (น้ำดีที่ผลิตจากตับจะมาเก็บไว้ที่ถุงน้ำดี) และมีท่อเชื่อมต่อไปยังลำไส้เล็ก  เราสามารถสรุปอย่างง่ายๆว่า  ถุงน้ำดีเป็นอวัยวะ หรือเป็นที่พักของน้ำดีก่อนที่จะเดินทางไปยังลำไส้เล็กเพื่อทำหน้าที่ย่อยอาหารพวกไขมัน  ที่จริงแล้วหน้าที่ของน้ำดีคือทำให้ไขมันแตกตัวเล็กลงก่อน ที่จะเข้าสู่ขบวนการย่อยที่แท้  ผู้ที่ถูกตัดถุงน้ำดี จะไม่มีแหล่งเก็บน้ำดี ทำให้น้ำดีที่ผลิตออกมาเอ่ออยู่ในตับ และส่งผลให้ปริมาณน้ำดีที่จะถูกส่งไปที่ลำไส้เล็กลดลง  จึงมีผลกระทบต่อต่อระบบย่อยอาหารอย่างแน่นอน ทำให้อาหารไม่ย่อย ท้องเสียหรือท้องผูก   นอกจากนี้ เมื่อน้ำดีเอ่อล้นในตับ ตับจะทำงานได้ลดลง (ตามศาสตร์แพทย์แผนจีนแล้ว ภาวะที่ตับทำงานได้ลดลงรวมกับภาวะลำไส้เล็กย่อยอาหารได้ไม่เต็มที่ จะทำให้เกิดความผิดปกติในการนอน นอนไม่หลับ หายใจมีกลิ่นเหม็น)  ปริมาณน้ำดีที่ลดลงยังส่งผลให้ตับอ่อนและม้ามทำงานแย่ลง เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคเบาหวาน  อย่างที่เข้าใจกันว่าอวัยวะแต่ละอย่างในร่างกาย มีความเกี่ยวข้องกัน เหมือนกับที่ม้ามมีเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับถุงน้ำดี  เมื่อถุงน้ำดีถูกตัดทิ้ง ม้ามจะทำเสียสมดุล ทำให้ม้ามทำงานแย่ลง  (ตามหลักแพทย์แผนจีน กล่าวว่า ม้ามจะให้พลังงานแก่หัวใจ ดังนั้นถ้าการเสื่อมของม้าม ย่อมส่งผลต่อการทำงานของหัวใจอย่างแน่นอน  จะเห็นได้จากสถิติผู้ที่มีภาวะหัวใจวาย  จำนวนผู้ป่วยเหล่านั้น จำนวนมากได้ผ่านการตัดถุงน้ำดีออกไปแล้ว) 
                ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องและภูมิแพ้ มีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับการตัดถุงน้ำดี เนื่องจากความอ่อนแอของตับและม้าม   ปัญหาอื่นๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อตัดถุงน้ำดีคือ มีผื่นคันที่ผิวหนัง ข้ออักเสบ หรือเลือดจาง  ลักษณะผื่นคันที่เกิดขึ้นตามผิวหนัง เนื่องจากการสะสมของบิลิลูบิน(เป็นส่วนประกอบหนึ่งในน้ำดี)ใต้ผิวหนัง   และเมื่อบิลิลูบินตกตะกอนตามข้อต่อ จะทำให้ข้อต่ออักเสบ  ส่วนภาวะเลือดจางเกิดจากการทำงานของตับและม้ามที่ด้อยลง เนื่องจากตับและม้าม มีหน้าที่ทำลายเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุแล้ว (เม็ดเลือดแดงมีอายุประมาณ 100-120 วัน)   และเมื่อเม็ดเลือดแดงเก่าถูกทำลาย ร่างกายจะนำสารที่เหลือจากการทำลายไปสร้างเม็ดเลือดแดงใหม่ ดังนั้นเมื่อเม็ดเลือดเก่าถูกทำลายน้อยลง จึงขาดสารตั้งต้นในการสร้างเม็ดเลือดแดงใหม่ ทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง
                ภาวะน้ำดีคั่งในตับ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ที่ตัดถุงน้ำดี ซึ่งสามารถบรรเทา โดยกินมะระจีนในตอนเช้า (เพื่อช่วยทำความสะอาดตับ)และ กินคอปติสในช่วงหัวค่ำเพื่อช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำดี (คอปติสเป็นไม้ดอก ที่ทางอินเดีย ใช้รักษาอาหารไม่ย่อย ส่วนทางแพทย์แผนจีน ใช้เพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับ)
                สูตรหนึ่งที่สามารถทำได้ง่ายๆในช่วงเช้า คือ หลังตื่นนอน ให้ดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว หลังจากนั้นจึงออกกำลังกาย  หลังจากดื่มน้ำแล้ว ให้รอประมาณ 1 ชั่วโมง(เพื่อรอให้ท้องว่าง) จึงค่อยกินมะระจีน  แล้วรออีกครึ่งชั่วโมงค่อยรับประทานอาหารเช้า ทั้งนี้การดื่มน้ำอุ่นจะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และไต
                สำหรับการแพทย์แผนจีนแล้ว สมุนไพรที่ใช้ขจัดนิ่วที่ตับและถุงน้ำดี ได้แก่

bullet
 มะระจีน
bullet
Coptis   (คอปติส)  มีต้นกำเนิดในภูเขาของประเทศจีน  เป็นไม้ดอกสีขาเขียว   มีหลายพันธุ์   ส่วนที่เรานำมาทำยา คือ ส่วนราก
bullet
 Lysimachia  หรือ Gold Coin Grass หรือที่คนจีนเรียกว่า jin qian cao  เป็นสมุนไพรจีน ที่มีรสชาติหวานและเค็ม รวมอยู่ด้วยกัน มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ และละลายก้อนนิ่ว ซึ่งสามารถละลายได้ทั้งก้อนนิ่วที่ไต ก้อนนิ่วในถุงน้ำดี  

                อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ที่ตัดถุงน้ำดี ได้แก่ แป้งขัดขาว น้ำตาลขัดขาว กาแฟ ช็อคโกแลต อาหารทอดต่างๆ  อาหารมันๆ แต่ควรหันมารับประทานผัก-ผลไม้สด  น้ำผัก-ผลไม้คั้นสด  พักผ่อนเพียงพอ ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  ฝึกหายใจลึกๆเป็นประจำ


มะระจีน


Coptis
Lysimachi

 ถึงแม้ว่าคุณจะตัดถุงน้ำดีไปแล้ว  แต่คุณสามารถที่ใช้ชีวิตได้เหมือนคนธรรมดา แต่ต้องระวังเรื่องอาหาร และรูปแบบการดำรงชีวิตให้มากขึ้น

67 อาการของผู้ที่มีนิ่วในตับและถุงน้ำดีเป็นจำนวนมาก



อาการของผู้ที่มีนิ่วในตับและถุงน้ำดีเป็นจำนวนมาก
           
  Andreas Moritz เขียนไว้ในหนังสือ  The Liver and Gallbladder Miracle Cleanse มหัศจรรย์ของการล้างตับและถุงน้ำดี หน้า 4 ว่า  ผู้ที่มีอาการของโรค หรือลักษณะอาการที่คล้ายคลึงกัน อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้แสดงว่าคุณมีนิ่วในตับและถุงน้ำดีเป็นจำนวนมาก”   “If you suffer any of the following symptoms, or similar conditions, you most likely have numerous gallstones in your liver and gallbladder:”  

อาการอย่างใดอย่างหนึ่งใน 67 อาการดังต่อไปนี้ถือว่า...มีนิ่วในตับและถุงน้ำดีเป็นจำนวนมาก 

1.Low appetite  ไม่อยากอาหาร ไม่หิวอาหาร
2.Food cravings  หิวตลอดเวลา
3.Digestive disorders  ภาวะการย่อยอาหารผิดปกติ
4.Diarrhea  ท้องร่วง
5.Constipation  ท้องผูก
6.Clay-colored stool  อุจจาระมีสีโคลน
7.Hernia  ไส้เลื่อน
8.Flatulence  ท้องอืดท้องเฟ้อ(เกิดก๊าซในทางเดินอาหาร)
9.Hemorrhoids  รีดสีดวงทวาร
10.Dull pain on the right side  ชาทางด้านซีกขวาของร่างกาย
11.Difficulty breathing  หายใจลำบาก
12.Liver cirrhosis  โรคตับแข็ง
13.Hepatitis  โรคตับอักเสบ
14.Most infections  ภาวะติดเชื้อง่าย
15.High cholesterol  โคแลสเตอรอลในเลือดสูง
16.Pancreatitis  โรคตับอ่อนอักเสบ
17.Heart disease  โรคหัวใจ
18.Brain disorders  ผิดปกติทางสมอง                                                                                                  
19.Duodenal ulcers แผลที่ปลายลำไส้เล็ก                                                                                               20.Nausea and vomiting คลื่นเหียน อาเจียน
21.A “bilious”or angry personality เป็นคนอารมณ์ร้าย โมโหฉุนเฉียวง่าย
22.Depression  มีแต่ความหดหู่ เก็บกด
23.Impotence  หย่อนสมรรถภาพ(ทางเพศและอื่นๆ)
24.Other sexual problems  มีปัญหาทางเพศศักยภาพอื่นๆ
25.Prostate diseases   โรคต่อมลูกหมากอักเสบ
26.Uninary problems   ปัญหาระบบขับถ่ายปัสสาวะ
27.Hormonal imbalances   ภาวะการขาดสมดุลทางฮอร์โมน
28.Menstrual and menopausal disorders   ประจำเดือนผิดปกติ
29.Problems with vision   มีปัญหาในการมองเห็น
30.Puffy eyes   ตาบวม มีถุงน้ำใต้ตา
31.Any skin disorders   มีความผิดปกติทางผิวหนัง
32.Liver spots, especially those on back hands and facial area   ดำช้ำบริเวณหลังมือและใบหน้า/มีฝ้า กระและจุดด่างดำต่างๆ
33.Dizziness and fainting spells   วิงเวียนศีรษะ หน้ามืดเป็นลม
34.Lose of muscle tone   กล้ามเนื้อหย่อนยาน
35.Excessive weight or wasting   น้ำหนักเพิ่มหรือลดผิดปกติ
36.Strong shoulder and back pain   ปวดบริเวณไหล่และหลังอย่างแรง
37.Pain at the top of a shoulder blade and/or between the  shoulder blades    ปวดในกระดูกหัวไหล่และหรือบริเวณกระดูกหัวไหล่
38.Dark color under the eyes   ใต้ตามีสีดำคล้ำ
39.Morbid complexion   เป็นโรคผิวหนังหรือมีความผิดปกติทางสีผิว
40.Tongue that is glossy or coated in white or yellow  ลิ้นขาววาวหรือเหลือง
41.Scoliosis   โรคกระดูกสันหลังคด
42.Gout   โรคเกาต์
43.Frozen shoulder   ชาบริเวณไหล่
44.Stiff neck   คอแข็ง
45.Asthma   โรคหอบหืด
46.Headaches and migraines   ปวดศีรษะ และอาการปวดศีรษะข้างเดียว
47.Tooth and gum problems   มีปัญหาทางเหงือกและฟัน
48.Yellow of the eyes and skin  ตาเหลือง ผิวเหลือง
49.Sciatica   อาการปวดร้าวไปตามขา ชาตามเส้นประสาท
50.Numbness and paralysis of the legs   ชา อัมพาตตามขา
51.Jiont diseases   โรคข้อต่ออักเสบ
52.Knee problems  โรคปวดเข่า
53.Osteoporosis   โรคภาวะกระดูกพรุน
54.Obesity    ภาวะอ้วนเกิน อ้วนผิดปกติ
55.Chronic fatigue   เหนื่อยอ่อนเรื้อรัง
56.Kidney diseases   โรคเกี่ยวกับไต
57.Cancer   โรคมะเร็ง
58.Multiple Sclerosis and fibromayalgia   อาการแข็งตัวของเนื้อเยื่อตามร่างกาย เช่น การแข็งตัวของหลอดเลือดแดง-หลอดเลือดดำ  ภาวะสมองกระด้าง โรคหนังแข็ง
59.Alzheimer’s diseases   โรคอัลไซเมอร์ (หลงๆลืมๆ)
60.Cold extremities   เย็นตามแขนขา
61.Excessive heat and perspiration in the upper part of the body เนื้อตัวร้อนเกินปกติและมีเหงื่อออกบริเวณร่างกายท่อนบน
62.Very greasy hair and loss   ขนเป็นมันและร่วง
63.Cuts or wounds and keep bleeding and don’t want to heal    แผลหายช้า
64.Difficulty sleeping, insomnia   นอนไม่หลับ  นอนหลับยาก
65.Nightmares    ฝันร้าย
66.Stiffness of joints and muscles   ขัดตามข้อต่อและกล้ามเนื้อ
67.Hot and cold flashes   มีอาการร้อนหนาววูบวาบ


โพสต์แนะนำ

5 เฮิร์บ แฮร์ เซรั่ม 5 HERB HAIR SERUMผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม(ไม่ต้องล้างออก)

                                              5 เฮิร์บ แฮร์ เซรั่ม  5 HERB HAIR  SERUM ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม(ไม่ต้องล้างออก) ผมห...