กะหล่ำปลี รักษากระเพาะท่อน้ำดีอักเสบ
ชาวโรมัน สมัยโบราณยกย่อง “กะหล่ำปลี” เป็นยารักษามะเร็ง เนื่องจากมีสารต้านมะเร็งหลายตัว กิน “กะหล่ำปลี” มากกว่า 1 ครั้งในหนึ่ง สัปดาห์สามารถลดโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ในผู้ชายถึงร้อยละ 66 กิน “กะหล่ำปลี” ปรุงเป็นอาหารวันละ 2 ช้อนโต๊ะ ป้องกันมะเร็งในช่องท้อง กิน “กะหล่ำปลี” สดดีกว่าปรุงให้สุก แต่ควรล้างด้วยน้ำเกลือหรือใช้สารส้มผสมน้ำล้างเอาสารเคมีที่ตกค้างก่อนเพื่อความมั่นใจ
ในงานวิจัย พบว่าสารอาหาร “กลูตามีน” ใน “กะหล่ำปลี” จะช่วยกระตุ้นให้กระเพาะและลำไส้สร้างเยื่อบุผนังกระเพาะได้เร็วขึ้น จึงทำให้แผลในกระเพาะและลำไส้หายเร็ว การทดลองในอเมริกาให้คนไข้กินน้ำคั้น “กะหล่ำปลี” สด วันละ 2 แก้ว รักษาโรคกระเพาะได้ ส่วนที่รัสเซียใช้น้ำคั้นสดของ “กะหล่ำปลี” ไปตากแห้งแล้วเอาผงที่ได้ ใช้ รักษาโรคกระเพาะและท่อน้ำดีอักเสบเห็นผลอย่างชัดเจน
กะหล่ำปลี หรือ BRASSICA OLERACEA CV.GR. HEADED CABBAGE อยู่ในวงศ์ BRASSICACEAE มีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรป ชาวกรีกเป็นชนชาติแรกที่ปลูก “กะหล่ำปลี” ต่อมาได้กระจายปลูกไปทั่วโลกและเป็นผักที่นิยมรับประทานทั่วโลกด้วย เนื่องจาก “กะหล่ำปลี” มีวิตามินซีมาก แต่ถ้าถูกความร้อนหรือถูกอากาศ สารดีๆจะหายไปได้
อย่างไรก็ตาม “กะหล่ำปลี” สด มีสาร GOITROGEN อยู่ด้วยแต่ไม่มากนัก สารที่ว่าถ้ามีมากจะขัดขวางการทำงานของ “ต่อมไทรอยด์” ทำให้นำไอโอดีนในเลือดไปใช้ได้น้อย ร่างกายจะขาดไอโอดีน แต่ถ้าทำให้สุกแล้ว GOITROGEN จะหายไปจาก “กะหล่ำปลี” ดังนั้น จึงรู้แล้วว่า “กะหล่ำปลี” มีประโยชน์ต่อสุขภาพและร่างกายอย่างไร “นายเกษตร” จึงบอกต่อครับ.
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โดย นายเกษตร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น