วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

หลักการกินอาหารแนวอายุรเวท



หลักการกินอาหาร...แนวอยุรเวท

ข้อปฎิบัติในการรับประทานอาหารแนวอายุรเวท

1. อาหารที่รับประทานควรมีรสชาติครบทั้ง 6 รสชาติ 
คือ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ขม เผ็ด โดยไม่มีการใช้สารปรุงแต่งรสชาติใดๆ ทั้งสิ้น

2. ควรรับประทาน อาหารอ่อนๆ 
แต่รับประทานอาหารบ่อยครั้ง โดยเติมอาหารลงไปในท้องเพียงครึ่งท้อง แล้วเติมด้วยน้ำดื่มอีก 1/4 ส่วน และเหลือที่ว่างไว้สำหรับการย่อยอาหาร

3. ควรรับประทานอาหารมื้อเช้าก่อนเวลา 09.00 น. 
อาหารมื้อกลางวันระหว่างเวลา 12.00-14.00 น. 
และอาหารมื้อเย็นก่อนเวลา 18.00 น. หรือก่อนเข้านอนประมาณ 4 ชั่วโมง

4. อาหารที่รับประทานควรเป็นอาหารปรุงสดใหม่ 
หลีกเลี่ยงอาหารกระป๋องหรืออาหารแช่แข็ง เนื่องจากไม่มีพลังงานพอที่จะช่วยเพิ่มแร่ธาตุให้กับร่างกายได้

5. อาหารที่จะรับประทาน ควรได้รับการเตรียมด้วยความรัก ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความรู้สึกดีต่อกัน 
และหลีกเลี่ยงการทำอาหารหรือเตรียมอาหารด้วยความโกรธ ความฉุนเฉียว หรือแม้แต่ในขณะที่อารมณ์ไม่ดี 

6. ขณะที่รับประทานอาหาร ควรรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียว หมายถึงหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมอื่นๆ ประกอบไปด้วย เช่น การดูโทรทัศน์ การฟังเพลงเสียงดัง การโต้เถียง และการเล่นอินเทอร์เน็ต

7. หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็นก่อนหรือระหว่างการรับประทานอาหาร ควรใช้การจิบน้ำอุ่นแทน

8. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ไม่ชอบ เนื่องจากทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและไม่สบายใจ

9. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่เข้ากันไม่ได้ดังนี้

- อาหารที่ร้อนและอาหารที่เย็น เช่น ก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ กับเครื่องดื่มเย็นๆ เพราะจะทำให้ข้อบวม และตามมาด้วยอาการเจ็บตามข้อ

- การดื่มนมคู่กับผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เนื้อปลา เนื้อสัตว์ และโยเกิร์ต เพราะจะทำให้เรามีกรดในกระเพาะอาหาร

- มันฝรั่งและมะเขือยาวกับไข่และนม, กล้วยและแตงโม หรือผลไม้จำพวกเมลอนต่างๆ

- โยเกิร์ตกับผลไม้รสเปรี้ยว เนื้อสัตว์ ปลา เนยแข็ง และเครื่องดื่มร้อน เพราะจะทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารและอาการท้องป่อง

- น้ำผึ้ง ไม่ควรถูกทำให้ร้อนหรือปรุงแต่ง

- มะนาวกับแตงกวา นม และโยเกิร์ต

10. สลัดเย็น ไม่ควรรับประทานระหว่างรับประทานอาหารร้อน

11. ไม่ควรรับประทานผลไม้ทันทีหลังรับประทานอาหารมื้อหลักนั้นๆ โดยเฉพาะกล้วยสุกและมะม่วงสุก เพราะเป็นการสร้างน้ำหนักให้ร่างกาย และร่างกายจะอมน้ำ

โดย ทางแพทย์สายพุทธ
Cr : bangkokbiznews.com

ทานผลไม้หลังอาหร ให้โทษหรือประโยชน์???



"ทาน “ผลไม้” หลังอาหาร ให้โทษหรือประโยชน์ อย่างที่ทราบกันว่า ผลไม้ ถือเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะผลไม้อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด การรับประทานผลไม้เป็นประจำจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีส่วนช่วยในการ เจริญเติบโต อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ รวมไปถึงโรคมะเร็ง แต่สำหรับการกินผลไม้หลังอาหารนั้นแตกต่างออกไป

การวิจัยของคณะผู้ศึกษาในทางโภชนาการและอาหารกลุ่มหนึ่งในสหรัฐอเมริกา โรงพยาบาล LOMALINDA รัฐแคลิฟอร์เนีย สรุปว่า ผล ไม้จะมีกรดซึ่งสามารถช่วยย่อยตัวเองได้ แต่ขณะเดียวกันต้องระวังอย่ากินผลไม้หลังอาหารทันที ต้องรออย่างน้อยหนึ่ง1-2 ชั่วโมง เพราะน้ำย่อยในผลไม้จะไปย่อยอาหารหลักจนสภาพน้ำย่อยหมดความเป็นกรด และทำให้ผลไม้ถูกย่อยและดูดซึมในลำไส้เล็กได้ช้า ซึ่งหากย่อยไม่หมดจะทำให้เกิดการบูด เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร จนเกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ จุก เสียด แน่นท้อง ดังนั้น ควรกินผลไม้ก่อนอาหารหนักเพราะน้ำกรดในผลไม้จะย่อยได้ง่ายกว่า

ดร. เฮ่อโป๋ เผยผลวิจัยว่าเมื่อผลไม้เข้าสู่ร่างกายจะมีผลเป็นด่าง เช่น ส้มหรือมะนาวที่มีรสเปรี้ยวก็ล้วนเป็นอาหารที่มีความเป็นด่าง สิ่งสำคัญ สำหรับการรับประทานผลไม้คือการรับประทานผลไม้ในเวลาที่ว่างเปล่า เพราะน้ำและกากใยในผลไม้ช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย สามารถช่วยให้น้ำหนักลดได้ หากกินผลไม้แล้วจะกินอาหารอื่นตาม ก็ควรรอเวลาอย่างน้อย 20-30 นาที เพื่อให้ผลไม้ที่กินเข้าไปตกสู่ลำไส้เล็กและดูดซึมสารอาหารจากผลไม้ เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังทำให้ผิวมีน้ำมีนวลสดใส ร่างกายแข็งแรงและอายุยืนอีกด้วย

ดร.เฮอร์เบิร์ต เอ็ม. เชลตัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโภชนาการของสหรัฐฯ ที่เน้นว่า อาหารหลักจะใช้เวลาย่อยประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งหากกินผลไม้ตามลงไปแทนที่จะผ่านไปยังลำไส้เล็กได้เลยก็จะถูกขวางโดย อาหารหลักที่รอย่อยอยู่ คุณค่าของผลไม้จะให้ประโยชน์กับเราไม่เต็มที่ อีกทั้งยังกลายมาเป็นข้อเสีย ต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายที่จะไม่ได้รับคุณค่าของผลไม้อย่างที่ควรจะเป็น

ครั้งต่อไป อดใจรอสัก 1-2 ชั่วโมง ค่อยทานผลไม้ตาม เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่

ฟักข้าวคืออะไร ???




"ฟักข้าวคืออะไร?
ฟักข้าว เป็นไม้เลื้อย เป็นเถาเลื้อยไปได้ทุกที่ ฟักข้าวนี้มีชื่อเรียกกันต่างไป เช่น คนปัตตานีเรียกฟักข้าวว่า ขี้กาเครือ  ผักข้าว คนทางเหนือเรียกมะข้าว ซึ่งมีการเรียกแตกต่างกันออกไป

ถิ่นกำเนิดของฟักข้าว

ฟักข้าว เป็นพืชที่มีอยู่ทั่วไปตามประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟักข้าวเป็นเถาเลื้อย มีมือเกาะ แบบเดียวกับตำลึง ใบเป็นใบเดี่ยว รูปหัวใจ หรือรูปไข่ รูปร่างคล้ายใบโพธิ์ ความกว้างยาวเท่ากันประมาณ 6-15 เซนติเมตร ขอบใบหยักเว้าลึกเป็นแฉก 3-5 แฉก ผลของฟักข้าวจะมีรูปร่างกลมรีและผลกลม มีหนามเล็ก ๆ อยู่รอบผล ผลอ่อนมีสีเขียวอมเหลือง เจริญได้เองโดยต้องถูกผสม เป็นต้นไม้แยกเพศ เมื่อผลสุกจะมีสีแดง หรือแดงอมส้ม ภายในมีเมล็ดจำนวนมากเรียงตัวกันคล้ายกันกับเมล็ดแตง



ประโยชน์และสรรพคุณทางยาของฟักข้าว

ในฟักข้าวนั้นมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยในการชะลอวัยยับยั้งการแก่ก่อนวัย ผิวชุ่มชื่นป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ปัญหาผิวแห้งกร้าน ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
มีเบต้าแคโรทีนสูงมากๆ และมีไลโคพีนมากกว่ามะเขือเทศ มีสารช่วยบำรุงและรักษาสายตา ป้องกันโรคเกี่ยวกับดวงตา โรคต้อกระจก ประสาทตาเสื่อม สำหรับผู้เป็นโรคหัวใจ ฟักข้าวช่วยป้องกันโรคหัวใจ หลอดเลือดหัวใจ โรคหัวใจขาดเลือด หัวใจตีบ

ไม่ต้องกลัวเป็นโรคมะเร็ง เพราะช่วยป้องกันและช่วยยับยั้งการเกิดลิ่มเลือดในเส้นเลือด ช่วยในการลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยป้องกันเส้นเลือดในสมองแตก ซึ่งเป็นสาเหตุของการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคง่อย มีฤทธิ์ในการต่อต้านมะเร็ง ไวรัส ช่วยยับยั้งระดับน้ำตาลในเลือด และยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีน ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง

สำหรับท่านชายต้องกินเลย เพราะฟักข้าวช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก  ท่านใดผมน้อยก็ใช้ฟักข้าวใช้แช่น้ำสระผม ช่วยทำให้ผมดกดำขึ้น แก้ปัญหาผมร่วง แก้อาการคันหนังศีรษะ รังแค ฆ่าเหาได้อีกด้วย"

โพสต์แนะนำ

5 เฮิร์บ แฮร์ เซรั่ม 5 HERB HAIR SERUMผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม(ไม่ต้องล้างออก)

                                              5 เฮิร์บ แฮร์ เซรั่ม  5 HERB HAIR  SERUM ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม(ไม่ต้องล้างออก) ผมห...