|
สมุนไพรไม่ได้รักษาโดยตรง แต่ช่วยฟื้นฟูและยับยั้ง สิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย
วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555
มะนาว..ล้างพิษ..ลดสิว..ลดน้ำหนัก
น้ำมีฤิทธิ์เป็นด่าง Alkaline Water
น้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่าง [Alkaline Water]
จะช่วยล้างพิษของความเป็นกรดและช่วยเป็นกันชนให้ร่างกายเพื่อสร้างสมดุล ระบบโลหิตของมนุษย์ต้องการฤทธิ์ด่าง
ตามปกติเลือดของมนุษย์มีค่า pH 7.4 (ระหว่าง 7.35-7.45) คือมีความเป็นด่างอ่อนๆ
pH ที่ต่ำกว่า 7 เป็นกรด…
ph 7 คือเป็นกลาง…..
pH ที่สูงกว่า 7 เป็นด่าง.....
ph 7 คือเป็นกลาง…..
pH ที่สูงกว่า 7 เป็นด่าง.....
ร่างกายของมนุษย์จะเป็นกรดง่ายมาก เพราะอาหารส่วนใหญ่ที่กินเช่น แป้ง โปรตีน ไขมัน เมื่อมีการเผาผลาญอาหารที่ Metabolism จะเกิดของเสียที่มีฤทธิ์เป็นกรด (Acidic Waste) แต่ถ้าได้อาหารที่มีลักษณะเป็นด่าง และดื่มน้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่าง(น้ำที่มีแคลเซียม แมกนีเซียม ) จะทำให้ไม่ต้องไปดึงแร่ธาตุ คือ แคลเซียมและแมกนีเซียมออกจากร่างกายมาใช้ เพื่อสร้างสภาวะสมดุลของร่างกาย (Homeostasis) ขึ้นมาใหม่ ดังนั้นร่างกายก็จะไม่สึกหรอ และทรุดโทรม สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง น้ำดื่มเป็นด่าง จึงต้องมีฤทธิ์เป็นด่างให้มากกว่าเลือด เพื่อไปทำปฏิกิริยากับฤทธิ์กรด และเกิดการถ่วงดุลทำให้ pH ของเลือดกลับมามีค่าที่ 7.4 อย่างเดิม เอ็นไซม์ซึ่งสำคัญยิ่งต่อการทำปฏิกิริยาเคมีทุกชนิด ส่วนใหญ่ต้องทำงานในสภาวะของด่างจึงจะมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้สารละลายที่เป็นด่างอ่อนๆสามารถดึงออกซิเจนไว้กับตัวได้มากกว่าสารละลายที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ได้ถึง 100 เท่า สารละลายที่มีค่า pH ต่ำกว่า 7.0 จะมีฤทธิ์เป็นกรดและจะไม่ยึดออกซิเจน “สารละสายที่เป็นด่างจะมีออกซิเจนสมบูรณ์”…
สำหรับผู้ที่ได้ดื่มน้ำอัลคาไลค์เป็นประจำ ร่างกายจะสามารถดูดซึ่มได้ดีกว่าน้ำดื่มประเภทอื่นๆอยู่หลายเท่า จะทำให่ร่างกายไม่เกิดภาวะขาดน้ำ ในการนี้ทางการแพทย์ได้มีมีการวิจัยแล้วว่า เชื้อมะเร็งเกิดขึ้น และเติบโตได้ดีในสภาพที่เป็นกรด ซึ่งมักเกิดแฝงมาจากอาหารการกินของเราเองจำพวก แป้ง เนื้อสัตว์ และอื่นๆที่เรารู้เท่าไม่ถึงการ ร่างกายเราปรับสภาพไม่ทัน ดังนั้นการน้ำดื่มอัลคาไลค์จึงได้มีความจำเป็นต่อร่างกายเพื่อที่จะได้ช่วยลดสภาพความเป็นกรดในร่างกายให้ดียิ่งขึ้นๆไป และในน้ำดื่มอัลคาไลค์ที่ดีควรมีสารต้านอนุมูลอิสระ( Antioxidant ) ด้วย
ผลไม้สามารถล้างสารพิษอาหารที่เรากินเข้าไปได้
รู้ไหมว่าผลไม้สามารถล้างสารพิษอาหารที่เรากินเข้าไม่ได้
1. แอปเปิ้ล
เป็นผลไม้ที่ดีที่สุดสำหรับการขจัดของเสียออกจากร่างกาย
สารเปกตินในแอปเปิ้ลจะช่วยนำสารพิษไปกำจัดทิ้ง ทั้งยังป้องกันไม่ให้โปรตีนในลำไส้เกิดการบูดเน่า
แอปเปิ้ลยังมีเส้นใยมากจะทำหน้าที่เป็นไม้กวาดทำความสะอาดลำไส้ช่วยให้ตับและระบบย่อยทำงานได้ดีขึ้น
กระตุ้นน้ำย่อย
นอนจากนี้ยังมีวิตามินและเกลือแร่และยังเหมาะกับผู้ที่กำลังลดน้ำหนักอีกด้วย
2. องุ่น เป็นสารฟอกล้างสำหรับผิว
ตับ ลำไส้และไตโดยเฉพาะ เนื่องจากองุ่นมีคุณสมบัติรักษาน้ำมูก
ที่จะออกมาจากเยื่อเมือกต่างๆในร่างกาย องุ่นยังให้พลังงานสูงและนำไปใช้ได้ง่าย
อุดมไปด้วยเกลือแร่ ดังนั้นจึงช่วยบำรุงเลือดและซ่อมสร้างเซลล์ในร่างกาย
3. สับปะรด
มีเอนไซม์โปรเมลินสูง เอนไซม์ตัวนี้จะช่วยการทำงานของกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะและช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วขึ้น
เชื่อกันว่าสับประรดช่วยรักษาอาการอักเสบในทางเดินอาหาร
ช่วยในการซ่อมแซมส่วนต่างๆที่สึกหรอ ช่วยการทำงานของต่อมไร้ท่อและช่วยกำจัดน้ำมูก
4. มะละกอ มะม่วง แตงโม
มีลักษณะคล้ายคลึงกันแต่มะม่วงมีสารสำคัญน้อยกว่ามะละกอเล็กน้อยผลไม้ทั้งสองชนิดมีเอนไซม์ชื่อปาเปน
ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับน้ำย่อยเปปซินในกระเพาะอาหาร ดังนั้นมันจึงช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็งขึ้นเช่นเดียวกับโปรเมลิน
และยังมีผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอีก
เช่น น้ำทับทิมยับยั้งเซลล์มะเร็ง อะโวคาโด้ ได้ช่วยปกปองผิวจากมลพิษ
ประโยชน์ของดีเกลือในการล้างพิษตับ
ดีเกลือ (แมกเนเซี่ยมซัลเฟต)
Epsom salt (magnesium sulfate)
ดีเกลือเป็นเกลือชนิดหนึ่ง เม็ดละเอียดสีขาว รสเค็มจัดจนขม หรือเรียกว่า แมกนีเซียมซัลเฟต ดีเกลือมีองค์ประกอบ 2 อย่าง คือ แมกนีเซียมและซัลเฟต ซึ่งมีประโยชน์ในการล้างพิษตับและถุงน้ำดี รวมทั้งประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้
1. ดีเกลือทำใหท่อน้ำดีขยายตัว เพื่อให้นิ่วเคลื่อนผ่านออกมาได้ง่ายขึ้น
2. ช่วยขับพิษที่เป็นตัวขัดขวางการเดินทางของนิ่ว
3. ในทางสมุนไพรใช้ดีเกลือเป็นยาระบาย ขับสารพิษออกจากร่างกาย
4. แมกนีเซี่ยมในดีเกลือ ช่วยคลายเครียดและให้หลับง่าย สมาธิดีขึ้น พัฒนากล้ามเนื้อและระบบประสาท ป้องกันเส้นเลือดแข็งตัว ลดการเกร็ง
5. ซัลเฟตช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย การดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น บรรเทาอาการปวดศรีษะและป้องกันโรคไมเกรน
6. ในการผลิตอาหารใช้ดีเกลือเป็นสารจับตัว (coagulant) สำหรับการผลิตเต้าหู เต้าฮวย ดีเกลือจะไปจับกับโปรตีนในน้ำนมถั่วเหลือง ทำให้จับเป็นก้อน ในการล้างพิษตับก็จะดักจับไขมันโปรตีนที่เป็นพิษออกมา
ดีท็อกซ์ คืออะไร สวนทวารล้างพิษคืออะไร
วิธีทำดีท็อกซ์ การล้างพิษ
คุณรู้ไหม การกินอาหารผิดๆ อากาศเป็นพิษที่เราหายใจเข้าไป
เชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ตลอดจนความเครียด
รวมทั้งปฏิกิริยาทางเคมีในร่างกายของเราซึ่งเกิดขึ้นตลอดเวลา ล้วนแต่ทำให้เกิด
ท็อกซิน (TOXIN) ขึ้นในตัวเราทั้งนั้น
ท็อกซิน (Toxin) คือ พิษ
เมื่อท็อกซินสะสมอยู่ในตัวเรามากๆเข้า ก็จะทำลายระบบภูมิชีวิต
จนอาจทำให้เราเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆขึ้นได้
อาการต่างๆ เช่น ลิ้นเป็นฝ้า ตาขุ่น ปากแห้ง จมูกแห้ง ตัวร้อน
หน้าตาไม่สดใส ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว คอ หลัง ไหล่ นอนไม่หลับ ฯลฯ
คือสัญญาณที่บอกว่า คุณกำลังมีท็อกซินสะสมอยู่มาก
ถึงคราวต้องกำจัดท็อกซินเหล่านี้ออกเสียก่อนที่มันจะทำลายสุขภาพของคุณมากไปกว่านี้
วิธีกำจัดท็อกซินเรียกว่า ดีท็อกซิฟิเคชั่น (DETOXIFICATION) หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า“ดีท็อกซ์“
คุณอาจเคยได้ยินว่า “ดีท็อกซ์ คือ การสวนทวาร“ ไม่ใช่ทั้งหมดค่ะ
แท้จริงวิธีที่จะดีท็อกซ์หรือกำจัดท็อกซินออกจากร่างกาย มีอยู่ด้วยกัน
5 วิธี
-การสวนทวาร
-การอบไอน้ำ อบซาวน่า
-การออกกำลัง กายบริหาร และการนวด
-การใช้ยา สมุนไพร และเอนไซม์
-การถ่ายเลือด (วิธีนี้ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น)
ถ้าคิดจะกำจัดท็อกซินออกจากร่างกาย
ควรทำหลายๆวิธีรวมกันค่ะถึงจะสามารถกำจัดพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่สำคัญเมื่อขับท็อกซินออกไปแล้ว ต้องพยายามควบคุมท็อกซินที่จะเกิดขึ้นใหม่ให้น้อยที่สุด
ด้วยการกินอาหารที่ปรับสมดุล อาหารสุขภาพ และไม่สะสมความเครียดค่ะ
สวนทวารล้างพิษคืออะไร
การสวนทวาร หรือที่มักเรียกติดปากแบบย่อๆว่า "ดีท็อกซ์"
เป็นวิธีกำจัดท็อกซินออก จากร่างกายวิธีหนึ่ง
โดยเฉพาะท็อกซินที่คั่งค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่
ไม่ใช่ทำเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยของโรค หรือเพื่อแก้อาการท้องผูก
แต่อย่างใด การถ่ายอุจจาระออกมาด้วยถือว่าเป็นผลพลอยได้เท่านั้นค่ะ
บางคนอาจตั้งข้อสงสัยว่า ฉันถ่ายอุจจาระทุกวันโดยไม่ท้องผูก
คงไม่มีท็อกซิน และไม่จำเป็นต้องทำดีท็อกซ์ ความจริงแล้วในลำไส้ของเราจะมีลักษณะเป็นขดซ้อนทับเป็นซอกหลืบ
ลักษณะอย่างนี้เองทำให้เกิดการสะสมของของเสียในลำไส้ใหญ่
แม้ถ่ายอุจจาระทุกวันก็ไม่สามารถกำจัดสิ่งเหล่านี้ออกไปได้หมด
แต่การสวนล้างทวารช่วยได้ค่ะ
การทำดีท็อกซ์ต้องใช้น้ำสำหรับสวนเข้าทางทวารหนัก
น้ำสำหรับดีท็อกซ์มีหลายสูตร คือ
สูตรน้ำกาแฟ ของนายแพทย์แมกซ์ เกอร์สัน
ใช้กาแฟผงบริสุทธิ์ (ชนิดไม่ปรุงแต่ง) 2 ช้อนโต๊ะ ต้มกับน้ำ 1
ลิตรจนเดือด แล้วกรองเอาผงออกทิ้งให้น้ำอุ่น แล้วจึงนำมาสวนท้อง
กาแฟไม่ควรใช้กาแฟสำเร็จรูป เพราะจะมีส่วนผสมของเนยมากเกินไป สามารถหาซื้อกา แฟได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ
เช่น ฟู้ดแลนด์ ฟูจิ,ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต อาจใช้ยี่ห้อตุงฮู อโรมา ซูซูกิ (ชนิดพรีเดียม)
หรือตามร้านขายอาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพทั่วๆ ไป
สูตรน้ำส้มมะขาม (มะขามเปียก)
ใช้ส้มมะขาม 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 1 ลิตรจนเดือด แล้วกรองเอาแต่น้ำ
สูตรน้ำมะนาว
ใช้มะนาว 3-4 ลูกคั้นน้ำ ผสมน้ำอุ่น 1 ลิตร
สูตรน้ำอุ่นเปล่าๆ
ใช้น้ำอุ่นประมาณ 1.5 ลิตร
**** สูตรน้ำดีท็อกซ์ที่นิยมกันมากที่สุดคือ สูตรน้ำกาแฟ เพราะในกาแฟมี "คาเฟอีน" ที่ช่วยในการกระตุ้นให้ท็อกซินถูกขับมาตามเครือข่ายเส้นเลือดดำ ซึ่งเชื่อมโยงต่อเนื่องตั้งแต่ตับ กระเพาะ ถุงน้ำดี ตับอ่อน ม้าม ลำไส้เล็ก จนถึงลำไส้ใหญ่
หมายเหตุ : ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคไต
โรคปอด โรคลมบ้าหมู (ลมชัก) ตกเลือด และ ท้องเสียอย่างรุนแรง ไม่ควรอบสมุนไพร
(ซาวน่า) ล้างพิษ
วิธีการสวนทวารล้างพิษ
1. นำน้ำกาแฟ ที่อุ่นพอดีกับอุณหภูมิร่างกายของเรา
(หรือน้ำดีท็อกซ์สูตรอื่นๆ) ใส่ถุง หรือหม้อสำหรับ สวน
โดยปิดวาวส์ที่ปลายท่อก่อนใส่น้ำกาแฟหรือน้ำสมุนไพร
2. แขวนถุงดีท็อกซ์ไว้ด้านปลาย เท้าให้สูงจากพื้นประมาณ 120 ซม.
(ถ้าแขวนสูงเกินไปความดันน้ำจะมากทำให้น้ำไหลเร็ว อาจกลั้นไม่อยู่ ถ้าแขวนต่ำเกินไปน้ำจะไหลช้า)
3. เปิดวาวส์เพื่อไล่อากาศออกจากสายยาง โดยให้น้ำกาแฟไหลผ่านท่อเล็กน้อย แล้วปิดวาวส์
หลังจากนั้นให้ทาวาสลีนที่ปลายท่อประมาณ 2 นิ้ว
4. นอนตะแคงขวา (สะโพกด้านขวาลงพื้น)
เหยียดขาขวาตรง ขาซ้ายก่ายบนขาขวาเหมือนท่ากอดหมอนข้าง
5. สอดปลายท่อที่ทาวาสลีน (หรือน้ำสบู่เหลว)
เรียบร้อยแล้วเข้าทางทวารหนัก ลึกประมาณ 2 นิ้ว เปิดวาวส์ให้น้ำกาแฟเข้าจนหมด
แล้วดึงท่อออกจากทวารหนัก
6. ให้นอนหงาย เหยียดขาตรง ใช้มือนวดท้องวนจากขวาไปซ้าย
(เหนือบริเวณสะดือใต้ชายโครง) อั้นให้ได้นานประมาณ 5-10 นาที แล้วลุกขึ้นถ่าย
ขณะถ่ายไม่ต้องเบ่ง
ช่วงที่นอน ท่านอน คือตะแคงขวา ช่วงที่ปล่อยน้ำให้หายใจยาวๆช้าๆ และนอนลูบท้องหมุนตามเข็มนาฬิกาช่วงที่ปล่อยน้ำ ถ้ารู้สึกปวดอึ ให้หายใจยาวๆ ช้าๆ อั้นเอาไว้ หรือถ้าไม่อั้นให้ปิดวาว์ปล่อยน้ำชั่วคราวเมื่อหายปวดก็ค่อยๆปล่อยน้ำออกมาใหม่ เมื่อน้ำหมดแล้วใหนอนหงาย ลูบท้องไปเรื่อยๆ ประมาณ 5- 10 นาที(อดทนให้นานที่สุด)เท่าที่จะสามารถทนได้หลังจากนั้นก็เข้าห้องน้ำ..ปดปล่อย.....
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการสวนทวาร
หลังทำดีท็อกซ์ด้วยการสวนทวาร คุณจะรู้สึกโล่งโปร่งเบาสบายตัว
แต่หากคุณมีอาการในทางตรงข้าม แสดงว่าร่างกายอาจไม่เหมาะกับการดีท็อกซ์วิธีนี้
ควรหยุดทำค่ะ
สำหรับคุณๆที่ประสบความสำเร็จอย่างดีในการทำดีท็อกซ์
ขอแนะนำให้ทำต่อเนื่องสัก 3 หรือ 5 วัน (วันละครั้ง) เพื่อล้างพิษออกให้หมด
หลังจากนั้นอาจทำเมื่อมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นไข้ ปวดเมื่อยตามตัวตามข้อ
ลิ้นเป็นฝ้า ก็สามารถสวนทวารล้างพิษได้อีก
อย่างไรก็ตาม ไม่ควรทำดีท็อกซ์บ่อยเกินไป ประเภทว่าทำทุกวัน
หรือทุกสัปดาห์ เพราะจะทำให้แบคทีเรียที่ดีในลำไส้ใหญ่ของเราพลอยถูกทำลายด้วย
แถมยังอาจมีผลให้ระบบขับถ่ายผิดปกติไป
เวลาที่เหมาะสมในการทำดีท็อกซ์คือ
ตอนเช้าหลังจากเข้าห้องน้ำถ่ายเรียบร้อยแล้ว ก่อน อาหารเช้า จะทำให้กลั้นได้ดีและล้างลำไส้ได้สะอาด สบายตัว
หากไม่สะดวกอาจทำช่วงสายหรือบ่ายหลังจากกินอาหารไปแล้ว 2 ชั่วโมง
ไม่แนะนำให้ทำก่อนนอน เพราะจะทำให้ตื่นขึ้นมาหิวเวลากลางคืน และทำให้นอนไม่หลับ
ข้อควรระวัง :
-ก่อนจะสวนทวารต้องปล่อยน้ำออกจากสายยางเพื่อไล่ลมก่อน มิเช่นนั้นจะเกิดลมในช่องท้อง ทำให้อึดอัด และในกรณีคนที่ไม่กินกาแฟ อาจเกิดอาการคลื่นไส้ เวียนหัวได้
-คนที่ผ่าตัดไส้ติ่ง ให้ใช้น้ำสวนท้องแค่ 800-1,000 ซี.ซี.
-คนที่ผ่าตัดลำไส้ใหญ่ จะมากหรือน้อย
โดยเฉพาะผู้ตัดลำไส้ใหญ่และทำรูถ่ายหน้าท้อง ไม่แนะนำให้ทำดีท็อกซ์
-คนที่เป็นริดสีดวงทวาร
ต้องใช้เจลทาที่ทวารหนักและปลายสายยางให้มากกว่าปกติ และ
หากมีบาดแผลที่ทวารหนักไม่ควรทำดีท็อกซ์
น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ Extra Virgin Olive (oil cold press)
น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ
Extra
Virgin Olive (Oil cold press)
มะกอกจัดว่าเป็นผลไม้ที่มีน้ำมันมากที่สุด
ในผลมะกอกที่แก่จัด 100กรัม ให้น้ำมันถึง
20-30 กรัม น้ำมันมะกอกชนิดบริสุทธิ์พิเศษ Extra Virgin Oil มีคุณภาพเยี่ยมที่สุกประมาณค่าเป็นกรดต่ำกว่า 1 %
เป็นน้ำมันที่ออกมาบริสุทธิ์จริงๆมีรสและกลิ่นมะกอกแรง
การเลือกน้ำมันมะกอกในการล้างพิษตับและถุงน้ำดีนั้นดูได้ที่ฉลากข้างขวดมีคำว่า Extra Virgin Olive
Oil สกัดแบบ
cold pressed คือน้ำมันมะกอกที่บริสุทธิ์พิเศษหีบเย็น
น้ำมันมะกอก
Extra Virgin Olive (Oil cold
pressed)
ช่วยการหมุนเวียนของโลหิต
น้ำมันมะกอก ช่วยปองกันภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (arteriosclerosis) รวมทั้งภาวะอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลว หัวใจวาย ไตวาย
และเส้นเลือดในสมองแตก
ระบบย่อยอาหาร น้ำมันมะกอกช่วยในการทำงานของส่วนต่างๆดีขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นกระเพาะอาหาร ตับอ่อน ลำไส้ และถุงน้ำดีทั้งนี้ยังช่วยป้องกันการก่อตัวของนิ่วอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลบ่งชี้ว่าม้ำมันมะกอกช่วยบรรเทาอาการกระเพาะอักเสบ
แผลในกระเพาะ และยังเป็นยาระบายอ่อนๆ
ผลต่อผิวหนัง น้ำมันมะกอกช่วยปกป้องหนังกำพร้า
ช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ซึ่งเกิดจากวิตามินอี
และสารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันมะกอกนั่นเอง นอกจากนี้ยังใช้ได้ผลดีในการป้องกันโรคผิวหนังและลดริ้งรอยเหี่ยวย่น
ระบบต่อมไร้ท่อ น้ำมันมะกอก
ช่วยให้ระบบการเผาผลาญอาหาร ( metabolic
function )
ภายในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ น้ำมันมะกอกได้กลายเปนทางเลือกที่ดีที่สุด
ในการป้องกันและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานจากการศึกษาล่าสุดพบว่าระดับกลูโคสของผู้ที่มีสุขภาพดีจะลดลง
12%เมื่อรับประทานน้ำมันมะกอก
ผลต่อกระดูก น้ำมันมะกอก ช่วยในการเสริมสร้างกระดูก
และช่วยใหร่างกายของคนเรามีประสิทธิภาพในการดูดซึมแร่ธาตุและแคลเซี่ยมได้ดี
และสามารถป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ด้วย
ลดภาวะเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง น้ำมันมะกอก
ช่วยปองกันเนื้องอกที่เกิดกับอวัยวะบางส่วน (เต้านม ต่อมลูกหมาก ลำไส้ใหญ่
ปีกมดลูก ) ทั้งนี้เพระกรดไขมันอิ่มตัวที่มีอยู่ในน้ำมันมะกอกนั้นช่วยยัยยั้งอนุมูลอิสระ
และช่วยต่อต้านการก่อตัวของติ่งเนื้อในอวัยวะต่างๆ
วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555
คอร์สล้างพิษตับ-นิ่วในถุงน้ำดี โดยวิธีธรรมชาติใช้สมุนไพร ไม่ต้องผ่าตัด
ทำไมต้องล้างพิษตับ?????
ปัจจุบันนี้วิถีการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมการกินการอยู่ของคนเราในแต่ละวันยังอาจส่งผลกระทบให้ระบบการล้างพิษภายในร่างกายทำงานผิดปกติจึงกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ปริมาณของเสียและสารพิษภายในร่างกายมีมากเกินกว่าที่ระบบการล้างพิษตามธรรมชาติจะสามารถจัดการกับตัวของมันเองได้ซึ่งหากว่าร่างกายของเรามีของเสียและสารพิษเหล่านั้นสะสมอยู่เป็นจำนวนมากย่อมเป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆนานาตั้งแต่โรคเรื้อรังทั้งหลายไปจนถึงโรคมะเร็งสารพิษต่างๆที่ร่างกายได้รับในแต่ละวัน
ทั้งจากการรับประทานอาหาร เช่น สารกันบูด สารแต่งสี สารปรุงรสและกลิ่น ยาฆ่าแมลง
แอลกอฮอล์ สารพิษจาการสูดดม จากการซึมผ่านผิวหนัง
หรือแม้นแต่สารพิษที่ร่างกายสร้างขึ้นเองจะถูกส่งไปยังตับเพื่อขจัดพิษ
- ตับจึงเปรียบเสมือนด่านแรกสุดของร่างกายที่ต้องเผชิญหน้ากับสารเคมี สารพิษต่างๆถ้าตับทำงานไม่ทันหรือประสิทธิภาพการทำงานลดลง สารพิษเหล่านี้จะถูกปล่อยเข้ากระแสเลือดก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายอย่างมากมาย แต่ถ้าเราสามารถกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายกับตับออกไปได้ทั้งช่วยให้กระบวนการล้างพิษจากตับดีขึ้น ดังนั้นการล้างพิษตับและถุงน้ำดี ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยฟื้นฟูประสิทธิภาพและการทำงานของตับและถุงน้ำดี ได้เร็วขึ้น
ผู้ที่มีโรคเรื้อรังระยะยาว ส่วนมากจะมีนิ่วในถุงน้ำดีนับพันก้อน บางคนมีนิ่วที่ถูกก่อตัวขึ้นโดยตรงในถุงน้ำดีอีกด้วย
หากว่าเราดำเนินการล้างพิษอย่างต่อเนื่องบวกกับทานอาหารอย่างสมดุลขับนิ่วเหล่านี้ออกจากร่างกายตับและถุงน้ำดีก็สามารถทำงานได้ดีเหมือนเดิมอาการไม่สบายต่างๆในร่างกายก็จะค่อยๆหายไปเช่นกันการขับนิ่วในท่อและถุงน้ำดีเป็นวิธีที่สำคัญและมีประสิทธิภาพมากที่สุดที่จะทำให้เรากลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงได้เหมือนเดิม
เมื่อไหร่ที่เราต้องล้างพิษออกจากตับ
- ร่างกายอ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง เซื่องซึม หดหู่ใจ ไม่กระปรี้กระเปร่า
- มีอาการของโรคภูมิแพ้ มักจะแพ้อะไรง่าย เช่น แพ้กลิ่นต่างๆ แพ้อากาศบ่อยๆ ฯลฯ
- มีภูมิต้านทานโรคต่ำ ทำให้ไม่สบายหรือเป็นหวัดได้ง่าย
- ปวดศรีษะ มึนงงบ่อยๆหรืออาจปวดถึงขั้นเป็นไมเกรน
- มีสิวและผดขึ้น
- นอนหลับยากหรือรู้สึกว่านอนหลับไม่พอ
- มีกลิ่นปากหรือมีแผลในช่องปาก
- จุกเสียด แน่นท้อง ปวดท้องเป็นประจำ หรือท้องเสียง่าย เป็นริดสีดวงทวาร
- เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
- อารมณ์แปรปรวนง่าย ประสาทตึงเครียด
- ผิวหมองคล้ำ เกิดริ้วรอยง่าย ผิวแห้งและหยาบกร้าน ดูแก่กว่าวัย
- มักปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อหรือข้อต่างๆ
- ขี้ลืม สมองไม่ปลอดโปร่ง คิดอะไรไม่ค่อยออก ฯลฯ
ก่อนที่จะแนะนำโครงนี้ต้องขอขอบพระคุณผู้ใหญ่ใจดี
2
ท่านคือ ครูขวัญดิน สิงห์คำ (อาเปิ้ม) และ ครูแก่นฟ้า แสนเมือง(อาแก่นฟ้า)
ที่ได้รวบรวมและค้นหาข้อมูลจนมั่นใจ
พิจารณาเห็นว่ามีหลักการอ้างอิงทางวิชาการจึงเผยแพร่ใหกับผู้ที่สนใจและเพื่อประโยชน์ในวงกว้างต่อไป
โดยก่อนที่จะใช้วิธีการนี้ได้ทดลองกับชาวชุมชนอโศกจนเห็นผลก่อน และได้พัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้ถึง
3 ปี ก่อนจะเปิดให้บริการกับบุคคลที่สนใจทั่วไป เมื่อปี พ.ศ.2552 เป็นครั้งแรก
กราบขอบพระคุณค่ะ
โครงการส่งเสริมและช่วยฟื้นฟูให้ร่างกายกลับคืนสภาพเดิม
โครการนี้ไม่ใช่การรักษาแต่เป็นการดูแลสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติแบบองค์รวมซึ่งมีความเชื่อมั่นว่า “ร่างกาย” มีกลไกลในการดูแลปรับสภาพต่างๆให้อยู่ในภาวะสมดุลย์ได้ด้วยตัวเองการที่เกิดการเจ็บป่วย เนื่องมาจากการเสียสมดุลย์ของร่างกาย ดังนั้นวิธีการคือ ต้องดูแลช่วยเหลือให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะสมดุลอีกครั้ง เพื่อที่จะได้ทำหน้าที่ “เยียวยา” รักษาความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น
ตารางคอร์ส ล้างพิษวิธีธรรมชาติบำบัด
วันที่
1
15.00 น.เป็นต้นไป หยุดรับประทานของขบเคี้ยว ดื่มน้ำผลไม้
หรือน้ำเปล่าได้
ลงทะเบียน
ตรวจ/กรอกขอมูลสุขภาพ / วัดความดัน/ ชั่งน้ำหนัก / รับอุปกรณ์
แนะนำตัววิทยากร
/ แนะนำเกี่ยวกับการเข้าคอร์ส
16.30-17.00น. สวนลำไส้ระบายพิษ
18.00 น. ดื่มน้ำสมุนไพรขับพิษ 1 แก้ว
20.00 น. พักผ่อน
วันที่
2
04.30-05-30น. ตื่นนอน
, เช็คค่าน้ำลาย , อมน้ำมันมะพร้าวกลั้วในปาก
05.30-06.00น. ออกกำลังกาย
06.00-06.30น. ดื่มน้ำชาข้าวกล้องงอก / น้ำสมุนไพร 5 แก้ว ดื่มไปเรื่อยๆ
06.30-09.00น. แช่เท้า
30 นาที , พอกหน้าด้วยสมุนไพร ทำดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้
09.00.09.15น. ดื่มน้ำสมุนไพรขับพิษ 1 แก้ว
10.30-11.00น. ดื่มน้ำมะละกอดิบผสมน้ำสับประรด 1 แก้วเพื่อล้างลำไส้ช่วยให้ขับนิ่วในไต
และนิ่วถุงน้ำดี
11.00-12.00น. กิจกรรม
12.00-12.15น. ดื่มน้ำสมุนไพรขับพิษ 1 แก้ว
13.00-13.15น. ดื่มน้ำแอปเปิ้ล
ช่วยล้างลำไส้และขจัดสารพิษออกจากร่างกาย / น้ำผลไม้หมัก
15.00 น. ดื่มน้ำสมุนไพรขับพิษ 1 แก้ว
16.40-18.00น. ทำดีท็อกซ์จนลำไส้สะอาด
( อาจมากกว่า 1 ครั้ง )
18.00-18.15น. รับประทานดีเกลือครั้งที่
1
20.00-20-15น. รับประทานดีเกลือครั้งที่ 2
20.15-22-00น. กิจกรรม
22.00-22.15น. ดื่มน้ำมันมะกอก
150 cc ผสมน้ำมะนาว 150 cc
22.15-22.30น. หลังดื่มน้ำมันมะกอกแล้วควรนอนตะแคงขวา
หรือนอนหงายยกศรีษะสูง
หลัง 02.00
น. หากมีการขับถ่ายให้เริ่มเก็บสิ่งขับถ่ายไว้ในถังที่เตรียมไว้
เพื่อให้ทีมวิทยากร /
ผู้ดูแลได้วินิจฉัยต่อไป
วันที่
3
05.30-06.00น. อมน้ำมันมะพร้าว ออกกำลังกาย
06.00-06.30น.
ดื่มน้ำชาข้าวกล้องงอก /
น้ำสมุนไพร 5 แก้ว ดื่มไปเรื่อยๆ
06.30-09.00น.
แช่เท้า 30
นาที , พอกหน้าด้วยสมุนไพร
08.00 น. รับประทานดีเกลือครั้งที่ 3
10.30-11.00น. ทำดีท็อกซ์ สวนล้างลำไส้ และเก็บสิ่งขับถ่ายไว้เพื่อการวินิจฉัยดูแล
12.00น. รับประทานอาหารอ่อนๆ
ทานครั้งละน้อยๆแต่บ่อยๆ
13.00น. สรุปการเข้าร่วมโครงการแนะแนวทางการปฎิบัติตัวเพื่อปรับสมดุลการใช้ชีวิต
ให้มีสุขภาพที่ดี
ปิดโครงการ
****ระหว่างวันควรคื่มน้ำข้าวกล้องงอก น้ำสมุนไพร น้ำอัลคาไรน์บ่อยๆ
เมื่อรู้สึกหิว
อ่อนเพลีย หรือผิดปกติใดๆควรแจ้งทีมวิทยากร / ผู้ดูแล****
จากแนวคิดเรื่อง นาฬิกาชีวิต เผยแพร่โดยอาจารย์สุทธิวัฒน์ คำภา ได้กล่าวไว้ว่าถุงน้ำดีจะเปิดตอนห้าทุ่ม-ตีหนึ่ง การดื่มน้ำมันมะกอกผสมน้ำมะนาวจะถูกดูดซึมเข้าสู่ตับและถุงน้ำดีโดยตรงส่งผลให้เก็บกวาดและทำความสะอาดตับและถุงน้ำดีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ครั้งที่ 1
ฟังคำแนะนำการเข้าคอร์ส |
สมุนไพรขับพิษ |
วัดความเป็นกรดด่างของน้ำลาย |
อมน้ำมันมะพร้าว |
รำกระบองตอนเช้า |
แช่เท้า
ผิงไฟ |
พระเอกมาแล้วค่ะ |
อาหย่อย |
ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์น่ะค่ะ โชคดีค่ะ |
ผลงานบางส่วนจากผู้เขาคอร์ส
การล้างพิษตับและถุงน้ำดีเป็นการรักษาจากต้นตอของการเกิดความผิดปกติในร่างกาย การฟื้นตัวของร่างกายขึ้นอยู่ที่คุณภาพของตับในขณะที่ทำการล้างพิษตับ ถ้าตับมีคุณภาพดีร่างกายก็จะฟื้นตัวเร็ว ถ้าตับย่ำแย่ก็ฟื้นตัวช้า นิ่วเกิดที่ตับ ไม่ใช่เกิดที่ถุงน้ำดีฉะนั้นการตัดถุงน้ำดีทิ้งแทบไม่เกิดประโยชน์อะไรแถมเจ็บตัวเปล่าๆ เราสามารถทำการล้างพิษตับได้เดือนละครั้ง บางท่านนิ่วจะออกมาหลังล้างพิษตับได้ 1-3 วัน ในวันที่ล้างพิษตับ (วันที่ดื่มน้ำมันมะกอกผสมน้ำมะนาว) จากการถ่ายจะมีนิ่ว ออกมาครั้งละ 50 เม็ด ถึง 400 เม็ด ขนาดของนิ่วที่ออกมาจะมีขนาดตั้งแต่เท่า เมล็ดงา เมล็ดข้าวสาร เมล็ดข้าวโพด หัวแม่มือ จนกระทั่งเท่าลูกมะกรูดขนาดเขื่องๆ สีของนิ่วที่ออกมาจะมีหลายสี ส่วนใหญ่จะมีสี
เขียว และสีเทา นิ่วที่มีสีเขียวจะเป็นพวกคอลเลสเตอรอล ( cholesterol ) เวลาถ่ายออกมาจะลอย นิ่วสีเทาจะเป็นพวกแคลเซี่ยม (calcium ) เวลาถ่ายออกมาจะจม ในตับสามารถเกิดนิ่วได้มากกว่า 20,000 เม็ด นิ่วจะออกมากที่สุดในช่วงการล้างพิษตับ ครั้งที่ 6-7 แล้ว เมื่อนิ่วออกหมดแล้วให้ล้างพิษตับปีละ 2 ครั้งสุขภาพก็จะดีตลอดไป ตับที่มีสุขภาพแข็งแรงจะต้องกลั่นกรองเลือดประมาณ 1,500 ml ต่อนาที และหลั่งน้ำดี 1-1.5 L ต่อวัน ซึ่งนั่นจะสามารถทำให้ตับและอวัยวะส่วนอื่นๆในร่างกายสามารถทำงานได้อย่างปกติ นิ่วในถุงน้ำดีจะไปอุดตันท่อ ทำให้ตับไม่สามารถขับสารพิษในเลือดได้อย่างเต็มที่และยังทำให้ตับไม่สามารถส่งสารอาหารและพลังงานที่จำเป็นไปยังส่วนอื่นๆของร่างกายไดอย่างทันการ ปัญหาโรคกระดูกพรุนนั้นมีต้นเหตุมาจากน้ำดีที่หลั่งไม่พอและปัญหาระบบการดูดซึมไขมัน ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการดูดซึมแคลเซี่ยมได้ไม่พอเพียง นอกจากสลายไขมันในอาหารแล้ว น้ำดียังช่วยขับพิษในตับ ช่วยลดกรดในลำไส้ และทำความสะอาดลำไส้อีกด้วย เมื่อการหลั่งน้ำดีในตับขาดความสมดุล ผลึกคอลเลสเตอรอล ( ผลึกไขมัน ) ก็จะไปผนึกกับน้ำดี กลายเป็นก้อนนิ่ว และไปอุดตันในท่อน้ำดีเล็กๆทำให้น้ำดียิ่งไหลได้ช้าลง เป็นเหตุให้น้ำดีผนึกตัวกับผลึกไขมันเหล่านี้ได้มากขึ้นไปอีก ท่อตับนั้นจะถูกนิ่วในตับ ( นิ่วที่ก่อขึ้นภายในตับ ) นับไม่ถ้วนอุดตัน ทำให้ประสิทธิภาพของระบบย่อยอาหารลดลงเนื่องจากว่าตับจะหลั่งน้ำดีออกมาเรื่อยๆ ดังนั้นจึงมีผลึกตัวของน้ำดีมากขึ้นเรื่อยๆน้ำดีบางส่วนจะไหลเข้าสู่เส้นเลือด เมื่อใดที่น้ำดีเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว จะทำให้มีตัวเหลือง(ดีซา่น) แต่ละคนล้วนมีนิ่วในตับอยู่จำนวนหนึ่ง บางคนมีนิ่วอยู่ในถุงน้ำดีด้วยเช่นกัน เมื่อใช้วิธีการบำบัดชะล้างตับและดูแลสุขภาพที่ถูกเราก็จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น หากอยากรู้ว่าคุณมีนิ่วอยู่ในตับหรือไม่มีวิธีคือ การล้างพิษตับ แล้วคุณจะพบว่าเมื่อคุณได้ขับนิ่วที่ก่อตัวเป็นผลึกออกไปแล้ว อาการโรคต่างๆภายในร่างกายก็จะค่อยๆหายไปและทำให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นได้
โครการล้างพิษตับ -นิ่วในถุงน้ำดี คือการดูแลฟื้นฟูร่างกายแบบธรรมชาติเหมาะสำหรับทุกคน ผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำ ผู้ที่ทานอาหารไม่ถูกหลักอนามัย เช่นอาหารทอด ปิ้ง ย่าง ผู้ที่มีความเครียดสูง พักผ่อนไม่เพียงพอ ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ มีสารพิษสะสม อันเป็นสาเหตุให้ตับทำงานหนัก และเกิดโรคต่างๆตามมาเช่น ไขมันเกาะตับ ( fatty liver ) ตับอักเสบ ตับแข็ง มะเร็งในตับ โรคนิ่ว โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง เป็นต้น วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้ผลและปลอดภัย และทำความสะอาดลำไส้ด้วย
สนใจการล้างพิษตับ เชิญเข้ามาคุยกันน่ะค่ะ
cheewa2553@gmail.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
โพสต์แนะนำ
5 เฮิร์บ แฮร์ เซรั่ม 5 HERB HAIR SERUMผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม(ไม่ต้องล้างออก)
5 เฮิร์บ แฮร์ เซรั่ม 5 HERB HAIR SERUM ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม(ไม่ต้องล้างออก) ผมห...
-
สำเร็จแล้วคะน้ำมันสกัดสมุนไพรว่านตาลเดี่ยวพืชไทยเพื่อผิวขาวใช้เพื่อรักษาสิว ฝ้า จุดด่างดำ บำรุงผิวพรรณ และมีความปลอดภัยในการใช้สูง ต่างชาติ...
-
ชุดน้ำมันหมักผมสมุนไพร+แชมพูสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมหงอก ผมร่วง ผมเสียจากเคมีปลอดภัยผลิตจากธรรมชาติแถมฟรีสบู่น้ำมันมะพร้าวจากธรรมชาติ ราคาชุดละ...