วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2555

กินผลไม้ให้ถูกเวลามากคุณค่า




กินผลไม้ให้ถูกเวลา...มากคุณค่า
บ้านเราโชคดีที่เป็น ประเทศที่มีผลไม้หลากหลายชนิดให้เลือกกินกันได้ไม่มีขาดตลอดทั้งปี แถมราคาก็ยังไม่แพง ได้ของสดๆ ตรงจากสวนจากไร่แทบไม่ต้องง้อผลไม้ แช่เย็นจากแดนไกล ( เว้นแต่ใครอยากกินผลไม้แปลกใหม่ไม่มีในเมืองไทยก็ไม่ว่ากัน) ซึ่งเรื่องนี้ทำเอาชาวต่างชาติมากมายติดใจไม่น้อย เพราะที่บ้านเมืองเขาอาจซื้อหาผลไม้ มากินในราคาถูกแบบนี้ได้ไม่ง่ายนักคนส่วนใหญ่ทราบว่าเราควรกินผลไม้เพราะ จะได้คุณค่าสารอาหารทั้งคาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ กรดอะมิโน กรดไขมันต่างๆ ที่จำเป็น ซึ่งจะเป็นกำลังเสริมให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ผลไม้บางครั้งยังเป็นเหมือนยาบำบัดที่ธรรมชาติสร้างให้มนุษย์ เช่นในวันที่อากาศร้อนๆ หากได้ลิ้มรสแตงโมสักชิ้นก็ทำให้ฉ่ำชื่นใจคลายร้อนไปได้มาก หรือคุณอาจเคยได้ยินว่า กินกล้วยน้ำว้าแล้วจะทำให้คลายจากท้องผูก แถมยังทำให้อารมณ์ดี เพราะเชื่อว่าในกล้วยมีสาร Tryptophan เมื่อกินเข้าไปจะเปลี่ยนเป็น Serotonin ที่เป็นสารสร้างความสุขให้กับคนเรา แต่ก็เชื่อว่าหลายๆ คนยังมองการกินผลไม้เป็น เรื่องรอง มีก็กิน ไม่มีก็ไม่กิน หรือบางคนตั้งใจกินผลไม้แต่กินผิดเวลา คุณค่าที่ควรจะได้จากผลไม้ที่กินเข้าไปก็เลยลดลงอย่างน่าเสียดาย

ร่างกายคนเราเหมาะจะย่อยผลไม้มากกว่าเนื้อสัตว์
    
หนังสือขายดีไปทั่วโลกชื่อ Fit for Life ของนักบรรยายเรื่องโภชนาการชาวอเมริกัน ฮาร์วีย์ และมาริลีน ไดมอนด์ ได้เสนอแนวคิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับการกินผลไม้จนเราอดไม่ได้ที่ต้องนำมาถ่ายทอดสู่กัน ฟังว่า ที่จริงแล้วเมื่อสืบค้นถึงประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์มนุษย์ อย่างที่ ดร.อลัน วอล์คเกอร์ นักมานุษยวิทยาคนสำคัญ ได้เผยผลการศึกษาในหนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2522 นั้น ดร.วอล์คเกอร์ได้ศึกษาอย่างละเอียดทั้งจากหลักฐาน โครงกระดูกและฟันของมนุษย์ ตลอดจนซากฟอสซิลต่างๆ เขายืนยันว่ามนุษย์นั้น แต่เดิมไม่ใช่เป็นพวกที่กินเนื้อ เมล็ดพืช หรือแม้แต่ผักหญ้าใดๆ หากแต่ดำรงชีวิตอยู่ด้วย การเก็บผลไม้มากิน ธรรมชาติได้สร้างร่างกายคนให้รองรับกับการกินผลไม้เป็น อาหารตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เพิ่งมามีช่วงศตวรรษที่ผ่านมานี้เองที่เราหันไปกินเนื้อสัตว์กันมาก ขึ้นกว่าเดิมมาก ซึ่งผลตามมาก็คือ ร่างกายต้องปรับตัวอย่างหนัก บางครั้งปรับตัว ไม่ไหวก็กลายเป็นพิษ เห็นจากอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นของโรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน หรือมะเร็งนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งเม็ดเลือด เต้านม ตับ กระเพาะอาหาร ฯลฯ ขณะที่การกินผลไม้เป็นวิธีสำคัญที่ช่วยล้างพิษ เพราะผลไม้ส่วนใหญ่มีน้ำประกอบอยู่ ในปริมาณ 80-90% ทั้งมีกากใย จึงช่วยกวาดล้างพิษต่างๆ ซึ่งคั่งค้างในร่างกายให้ออก ไปโดยการขับถ่าย ดังนั้นเมื่อรวมกับสารอาหารที่เราได้จากผลไม้แล้ว จึงนับว่าเป็นอาหาร ที่ให้ประโยชน์กับร่างกายสูงกว่าอาหารอีกหลายชนิด ในข้อแม้ว่าต้องกินอย่างถูกต้องและเหมาะสมจริงๆ
นอกจากให้สารอาหารต่างๆ แล้ว ไดมอนด์ยังยืนยันว่า การกินผลไม้ แม้จะมีน้ำตาล คาร์โบไฮเดรต และแคลอรีสูง แต่ไม่ได้ทำให้เราอ้วนแบบการกินอาหารชนิดอื่นๆ โดยอ้างถึง ผลงานวิจัยของ ศ.จูดิท โรแดง จากมหาวิทยาลัยเยล ที่ได้แถลง ผลงานวิจัยของเธอในเดือน ต.ค.ปี 2526 เกี่ยวกับน้ำตาลในผลไม้มีผล ต่อการกินอาหารมื้อต่อไปได้ลดลง โดยทดลองให้คนดื่มน้ำหวานจากน้ำตาล ฟรุคโตสที่ได้จากผลไม้กลุ่มหนึ่ง เปรียบเทียบกับอีกกลุ่มที่ให้กินน้ำหวานจาก น้ำตาลซูโครส แล้วให้ทั้งสองกลุ่มกินอาหารมื้อต่อไป พบว่ากลุ่มที่กินน้ำตาล ผลไม้จะกินอาหารมื้อต่อไปได้น้อยกว่าอีกกลุ่มเฉลี่ยถึง 479 แคลอรี ขณะที่ ดร.วิลเลียม คาสเทลลี จากฮาร์วาร์ด และศูนย์ศึกษาโรคหัวใจฟรามิงแฮม (แมสซาชูเส็ท) พบว่าสารหลายชนิดที่พบในผลไม้มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของ การเกิดโรคหัวใจและหัวใจวายได้ โดยช่วยป้องกันไม่ให้เลือดจับตัวหนาจนไป อุดตันในหลอดเลือด นอกจากนี้ร่างกายจะใช้เวลาในการย่อยและดูดซึมสารอาหาร จากผลไม้ไปใช้ในร่างกายเพียง 20-30 นาทีเท่านั้น แถมยังใช้พลังงานสำหรับการย่อยน้อยมาก (โดยเฉพาะผลไม้ที่มีน้ำมาก เช่น ส้ม องุ่น ในขณะที่หากเป็นกล้วย ทุเรียน อินทผลัม ซึ่งมีน้ำน้อย จะใช้เวลาย่อยนานขึ้น) ซึ่งต่างกับการกินอาหารชนิดอื่น เช่น ข้าว เนื้อสัตว์ ฯลฯ จะต้องใช้พลังงานในการย่อยอย่างสูง ใช้เวลานานตั้งแต่ชั่วโมงครึ่ง ถึง 4 ชั่วโมง หรือหากกินอาหาร หลายๆ อย่างพร้อมกัน เช่น เนื้อสัตว์ แป้ง ในปริมาณมากๆ อาจใช้เวลาย่อยนานถึง 8 ชั่วโมง ใช้พลังงานไปกับการย่อยเต็มที่ ผลก็คือ ทำให้เรารู้สึกเพลีย ง่วงเหงาหาวนอนหลังอาหารมื้อนั้น ซึ่งอาการนี้จะ ไม่เกิดเลยหลังจากที่เรากินผลไม้เข้าไป

กินผลไม้ตอนท้องว่าง...ได้ประโยชน์สูงสุด
    
ไดมอนด์เสนอแนว ความคิดว่าน้ำและกากใยในผลไม้ช่วยในการขับถ่าย ของเสียออกจากร่างกาย จึงช่วยลดน้ำหนักได้ และร่างกาย จะใช้ประโยชน์จากผลไม้สูงสุดต่อเมื่อคนนั้นต้องกินผลไม้ อย่างถูกวิธี คือการกินผลไม้ขณะที่ท้องว่าง ไม่ควรกินผลไม้ พร้อมกับหรือหลังอาหารอื่นๆ หรือหากกินผลไม้แล้วจะกินอาหาร อื่นตาม ก็ควรรอเวลาอย่างน้อย 20-30 นาทีเพื่อให้ผลไม้ที่กินเข้าไป ตกสู่ลำไส้เล็กและดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่ การห้ามกินผลไม้หลังอาหารนั้นเพราะเมื่ออาหารตกถึงกระเพาะจะใช้เวลา ย่อยประมาณ 4 ชั่วโมง หากกินผลไม้ตามลงไปแทนที่จะผ่านไปยังลำไส้เล็ก ได้เลยก็จะต้องถูกขัดขวางจากอาหารที่รอการย่อยเหล่านั้น ระหว่างนี้ทั้งอาหาร และผลไม้ที่ผสมกันในกระเพาะจึงอาจทำให้เกิดการหมักบูด เกิดแก๊ส ซึ่งมีผลให้ เกิดอาการแน่น จุก หรือไม่สบายท้องได้ ทั้งนี้สอดคล้องกับแนวคิดของ ดร.เฮอร์เบิร์ต เอ็ม. เชลตัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโภชนาการของสหรัฐฯ ที่เน้นว่าคุณค่าของผลไม้ จะให้ประโยชน์กับเราเต็มที่เมื่อกินขณะท้องว่าง แต่หากใครที่กิน ผลไม้ไม่ถูกวิธี แต่ไม่รู้สึกแย่อะไร ก็แสดงว่าร่างกายคุณปรับตัวได้ดี แต่ก็น่าเสียดายที่จะไม่ได้รับคุณค่าของผลไม้เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น
    ดังนั้นหากใครที่กินอาหาร แล้วต้องการกินผลไม้ตาม ควรรอเวลาให้อาหารที่กินเข้าไปก่อนหน้า นั้นย่อยหมดก่อน แล้วจึงค่อยกินผลไม้ หากเป็นอาหารเบาๆ เช่น สลัดผักสด ใช้เวลารอประมาณ 2 ชั่วโมง หรือหากคุณเพิ่งกินอาหารหนักอย่างเช่น ข้าว หรือเนื้อสัตว์ ที่ใช้เวลาย่อยนานขึ้น ก็อาจต้องรออย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรือกินอาหารหลายๆ อย่างรวมกัน มีกากใยน้อย ย่อยยากขึ้น ก็อาจใช้เวลามากถึง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งไม่แนะนำให้กินผลไม้ตามไปในช่วงเวลานั้นเลย
    ตามแนวคิดนี้ เวลาที่เหมาะสมที่สุด ที่ควรจะกินผลไม้หรือดื่มน้ำผลไม้ คือ ช่วงเช้าของทุกวัน ตั้งแต่ตอนตื่น จนถึงเที่ยง เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายสะสมพลังงานไว้เต็มเปี่ยมตลอดคืน ดังนั้นเวลาตื่นจะเป็นช่วงที่ร่างกายสดชื่นที่สุด จึงไม่ควรจะสูญเสียพลังงานที่มีค่า ของวันนี้ไปเปล่าๆ กับการย่อยอาหารนานๆ แต่การกินผลไม้ที่ใช้พลังงานในการย่อย ต่ำจะช่วยให้เรามีพลังงานเหลือเฟือไว้ใช้ประโยชน์กับกิจกรรมอื่นๆ ของชีวิต และดูดซึมสารอาหารที่ควรจะได้รับอย่างเต็มที่ รวมทั้งได้กากใยช่วยชับของเสียที่ สะสมมาจากวันก่อน ทั้งมีส่วนช่วยให้น้ำหนักลดลง โดยที่ในช่วงเวลาดังกล่าวเรา สามารถกินผลไม้ได้มากเท่าที่อยากกิน และเว้นระยะประมาณสักครึ่งชั่วโมงจึงค่อย กินอาหารมื้อกลางวัน หากทำแบบนี้ได้เป็นประจำ ร่างกายเราก็จะได้รับสารอาหาร สำคัญจากผลไม้เต็มที่ ช่วยให้เราคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวได้ดี มีอายุยืน สุขภาพดี กระชุ่มกระชวย อยู่เสมอ

มาตรฐานคือ ต้อง “ สด ” 100%
  
  ผลไม้ที่เราจะกิน หรือน้ำผลไม้ จะเป็นชนิดไหนก็ได้ สำคัญที่สุดคือ ต้อง “ สด ” 100% ไม่ได้ผ่านความร้อน การหมักดอง หรือการปรุงรสใดๆ เพราะร่างกายเราจะนำไปใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดเมื่อมันอยู่ใน สภาพธรรมชาติเท่านั้น แต่ผลไม้ที่ผ่านความร้อนปรุงเป็นอาหาร จะสูญเสียคุณค่าในตัวเองไปหมดแล้ว หากเป็นน้ำผลไม้ก็ควรเลือก ดื่มชนิดที่คั้นสด 100% จะดีกว่าชนิดที่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน หรือน้ำผลไม้ที่ผสมจากหัวเชื้อเข้มข้น ซึ่งแบบนั้นจะไม่ได้คุณค่าอาหาร แบบที่น้ำผลไม้คั้นสดจะให้ได้ ดื่มน้ำผักหรือผลไม้คั้นสดแทนการดื่มชา กาแฟ ในยามเช้า ก็เป็นหนทางสู่การมีสุขภาพดี แถมยังช่วยให้แต่ละวันของคุณเป็น วันที่แจ่มใสได้อีกด้วยแนวคิดของไดมอนด์ที่ปรากฏในหนังสือนั้นเป็นอีกแนวทาง หนึ่งในการดูแลสุขภาพร่างกายให้สอดคล้องกับที่ธรรมชาติสร้างมา ให้ใครสนใจอาจลองนำไปปฏิบัติตามได้ไม่เสียหลายนะคะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โพสต์แนะนำ

5 เฮิร์บ แฮร์ เซรั่ม 5 HERB HAIR SERUMผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม(ไม่ต้องล้างออก)

                                              5 เฮิร์บ แฮร์ เซรั่ม  5 HERB HAIR  SERUM ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม(ไม่ต้องล้างออก) ผมห...